“ดีอี-ปปง.” ลุยตรวจ 30 ล้านบัญชีโมบายแบงกิ้ง “ชื่อไม่ตรงซิม” เริ่ม 27 พ.ค.นี้
"ดีอี จับมือ ปปง.” เร่งคัดกรอง 30 ล้านบัญชีโมบายแบงกิ้ง “ชื่อไม่ตรงซิม” เริ่มส่งข้อมูล 27 พ.ค.นี้ คาดใช้เวลา 120 วัน หากข้อมูลไม่ตรงและพ้นระยะเวลา จะถูกปิดทันที
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยความคืบหน้าการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ การกวาดล้างบัญชีม้า และเร่งรัดการคืนเงินให้ผู้เสียหาย ตามข้อสั่งการของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ได้มอบหมายเดินหน้าปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์เป็นระยะที่ 2 ต่อเนื่องจากระยะแรก 30 วัน (1-30 เม.ย. 67) ว่า ได้ประชุมร่วมกับตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
โดยที่ประชุมมีความคืบหน้ามาตรการควบคุมการเปิดบัญชีใหม่ เพื่อป้องกันการใช้เป็นช่องทางในการกระทำผิดกฎหมาย ซึ่งเพิ่มการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า (ซีดีดี) โดยมีกระบวนการประเมินและบริหารความเสี่ยงก่อนอนุมัติเปิดบัญชีลูกค้า รวมทั้งติดตามความเคลื่อนไหวทางการเงินจากการทําธุรกรรมของลูกค้าใหม่ จากเดิมที่มีการทำการพิสูจน์ตัวตนในการทําความรู้จักลูกค้า (เควายซี) ในการเปิดบัญชีใหม่เท่านั้น โดยทาง ธปท.จะมีการออกประกาศภายในเดือนมิ.ย. 67 ซึ่งปัจจุบันบางธนาคารได้มีการดำเนินการแล้ว
นอกจากนี้ ยังกำหนดให้เจ้าของบัญชีธนาคารและหมายเลขโทรศัพท์ (ซิมการ์ด) ต้องมีชื่อระบุตรงกัน จากเดิมเมื่อเปิดบัญชีธนาคารจะใช้ซิมการ์ดไม่ตรงกันก็สามารถเปิดบัญชีใหม่ได้ เบื้องต้นได้ให้ กสทช.ดำเนินการประสานงานแลกเปลี่ยนข้อมูลกับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ และธนาคาร รวมถึงหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องทั้ง ปปง. ธปท. และสมาคมธนาคารไทย
ขณะที่พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ระบุว่า ขณะนี้ในประเทศไทยมีบัญชีโมบายแบงกิ้งอยู่ราว 106 ล้านบัญชี และมีบัญชีราว 30 ล้านบัญชี ที่ชื่อไม่ตรงกับเจ้าของซิมการ์ด ซึ่งในวันที่ 27 พ.ค. 67 ธนาคารจะเริ่มส่งข้อมูลนี้ให้กับ ปปง. เพื่อส่งข้อมูลให้กับ กสทช. เพื่อตรวจสอบว่า เจ้าของบัญชีธนาคารกับซิมการ์ดเป็นบุคคลเดียวกันหรือไม่ เมื่อ กสทช.ร่วมกับโอเปอเรเตอร์ตรวจสอบจะใช้เวลาประมาณ 120 วัน ถ้าตรวจสอบแล้วข้อมูลตรงกันธนาคารจะรับรองบัญชีทั้งหมด และสามารถใช้งานได้ตามปกติ
สำหรับกรณีข้อมูลไม่ตรงกันธนาคารจะแจ้งข้อความผ่านโมบายแบงกิ้งว่า ข้อมูลโทรศัพท์ไม่ตรงกับข้อมูลเจ้าของบัญชี จึงขอให้ผู้ใช้บริการไปลงทะเบียนที่ศูนย์บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ เพื่ออัพเดตชื่อให้ตรงกัน ถ้าข้อมูลตรงกันแล้วจะเปิดใช้โมบายแบงกิ้งตามปกติ
“แต่ถ้ากรณีข้อมูลไม่ตรงและพ้นระยะเวลาที่กำหนด เช่น กำหนดให้ภายใน 60 วัน ต้องอัพเดตข้อมูล หากผ่านไปแล้ว 60 วันยังไม่เปลี่ยนแปลง บัญชีธนาคารจะใช้ได้ตามปกติ แต่โมบายแบงกิ้งจะใช้ไม่ได้ เพราะมิจฉาชีพจะใช้บัญชีม้าทำธุรกรรมผ่านโมบายแบงก์กิ้งและเอทีเอ็ม ดังนั้น บัญชีม้าที่มิจฉาชีพซื้อไปใช้และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงข้อมูลให้ตรงกับเจ้าของบัญชีได้จะถูกตัดการให้บริการทุกช่องทาง” พล.ต.ต.เอกรักษ์ กล่าว
ทั้งนี้ ผลการกวาดล้างบัญชีม้าถึง 30 เม.ย. 67 ดังนี้ ระงับบัญชีม้าแล้วกว่า 700,000 บัญชี แบ่งเป็น ธนาคารระงับเอง 300,000 บัญชี AOC ระงับ 101,375 บัญชี ปปง.ปิด 325,586 บัญชี ขณะที่ตำรวจดำเนินการการจับกุมคดี บัญชีม้า-ซิมม้า เมษายน 2567 มีจำนวน 361 คน เพิ่มขึ้น 1.9 เท่า เทียบกับ การจับกุมเฉลี่ย 187 คนต่อเดือน ช่วงม.ค.-มี.ค. 67