“นายกอิ๊งค์” โยน รทสช. เคลียร์กันเอง – บอกต้องคุย “อนุทิน” ทวงปฏิญญาช็อกมิ้นต์ ปรับครม.

“แพทองธาร” ยังไม่เคาะโผ ครม. โยน รทสช. เคลียร์กันเอง ส่วนปม “อนุทิน” ทวงปฏิญญาช็อกมิ้นต์ ระบุ “ต้องคุยกัน” ขณะที่ “มหาดไทย” ยังเป็นดีลใหญ่ในเกมต่อรอง ตลาดทุนชะลอลงทุน รอความชัดเจนนโยบาย


วันนี้ (11 มิ.ย.68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวก่อนลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ว่า ได้รับหนังสือข้อเสนอจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จำนวน 21 รายแล้ว ซึ่งเรียกร้องให้ปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสัดส่วนของพรรค

ได้ค่ะ แต่ว่าก็เป็นเรื่องของพรรคเขา เขาคุยกันเอง ไม่เกี่ยวกับเรา” นายกรัฐมนตรี กล่าว พร้อมระบุถึงกระแสข่าวการปรับ ครม. ว่า “ยังไม่มีอะไร”

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ทวงถามถึง “ปฏิญญาช็อกมิ้นต์” ซึ่งเป็นข้อตกลงภายในรัฐบาลในการแบ่งสรรตำแหน่งรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร กล่าวสั้น ๆ ว่า “เดี๋ยวคงคุยกันค่ะ”

ด้านนายอนุทิน ซึ่งร่วมคณะลงพื้นที่กับนายกรัฐมนตรี ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ในเรื่องดังกล่าว เพียงยิ้มและชี้เข้าหาตัวเองเมื่อถูกถามถึงปฏิญญาดังกล่าว

ทั้งนี้ กระแสข่าวการปรับ ครม. ยังคงร้อนแรง หลังสภาผู้แทนราษฎร ผ่านวาระแรกของร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายปี 2568 โดยพรรคเพื่อไทยมีความต้องการสลับเก้าอี้ “กระทรวงมหาดไทย” ที่ปัจจุบันอยู่ในโควตาของพรรคภูมิใจไทย แลกกับกระทรวงพาณิชย์ หรือกระทรวงคมนาคม มีชื่อ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จะย้ายมากระทรวงใหญ่ขึ้นแท่น “มท.1”

ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาการเมืองอย่างใกล้ชิด นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ รองกรรมการผู้จัดการและนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวกับ “หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้นธุรกิจ” ประเมินว่า ปัจจัยการเมืองในประเทศ โดยเฉพาะการปรับ ครม. ส่งผลต่อตลาดหุ้นไทยสูงถึง 50% เพราะเกี่ยวข้องกับทิศทางนโยบายเศรษฐกิจในระยะถัดไป

ที่มีข่าวว่าพรรคภูมิใจไทยอยากได้กระทรวงคมนาคม ทำให้นักลงทุนต้องชะลอการลงทุนเพื่อดูว่าสรุปแล้วจะเกิดการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ เพราะจะไม่มีผลด้านนโยบายต่าง ๆ ทำให้เกิดการปรับพอร์ตหุ้นที่อิงกับการเมืองด้วยการชะลอการลงทุนออกไปก่อน นายกิจพณ กล่าว

นอกจากนี้ กระทรวงพลังงาน ซึ่งปัจจุบันอยู่ในความดูแลของพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็เป็นอีกจุดที่ถูกจับตา หากมีการปรับเปลี่ยนบุคคลในตำแหน่ง ย่อมสะเทือนต่อโครงสร้างราคาพลังงานและแผนลงทุนในกลุ่มพลังงานของรัฐและเอกชน โดยเฉพาะในช่วงที่ราคาพลังงานโลกมีแนวโน้มผันผวนต่อเนื่อง

นักวิเคราะห์ประเมินว่า หาก รทสช. พ้นจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล จะเป็นการเพิ่มอำนาจต่อรองให้พรรคภูมิใจไทยสูงขึ้นทันที อย่างไรก็ตามเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยยังมีท่าทีต้องการให้ รทสช. ร่วมรัฐบาลต่อ แม้เหลือบางส่วน (บางขั้ว) ก็ตาม

Back to top button