“1 แลก 2” เกมวัดใจ “เพื่อไทย-ภูมิใจไทย” ปรับ ครม. สะเทือนเสถียรภาพรัฐบาล

เกมปรับ ครม. “1 แลก 2” ระหว่างเพื่อไทย-ภูมิใจไทย ปะทะแรงกระเพื่อมในพรรคร่วม สะเทือนเสถียรภาพรัฐบาล และตลาดทุน หวั่นเสียงปริ่มน้ำ จะพา “แพไปไม่ถึงปี 69?”


อุณหภูมิการเมืองไทยพุ่งสูงทันที กับร้อยราวของพรรคร่วมรัฐบาลระหว่าง “เพื่อไทย” และ “ภูมิใจไทย” กับการปรับคณะรัฐมนตรี หรือ ครม. ที่พรรคแกนนำรัฐบาลต้องการขอเก้าอี้ “กระทรวงคลองหลอด” หรือ “กระทรวงมหาดไทย” ที่ปัจจุบันพรรคภูมิใจไทยรั้งเก้าอี้นี้อยู่กลับคืนมา ด้วยเหตุที่ผู้หลักผู้ใหญ่ของพรรคเพื่อไทย มองว่าการทำงานของฝ่ายปกครองตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ยังไม่ตอบโจทย์ และส่งผลต่อภาพรวมผลงานของรัฐบาลอย่างเห็นได้ชัด จึงนำมาสู่ปฏิบัติการ “ทวงคืน”

นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช – แพทองธาร ชินวัตร

ปัญหาร้อยราวของพรรคร่วมรัฐบาลยิ่งเห็นเด่นชัดมากขึ้น เมื่อพรรคเพื่อไทย ได้ยื่นข้อเสนอ “1 แลก 2“ ให้พรรคภูมิใจไทยตัดสินใจกับการคืนเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยกลับมาให้พรรคเพื่อไทยบริหาร ในช่วงโค้งสุดท้ายของรัฐบาลกับเวลาการทำงานที่เหลืออยู่ไม่ถึง 2 ปี พร้อมขีดเส้นตาย 48 ชั่วโมงให้ต้องตอบรับหรือปฏิเสธ

เส้นตายที่ว่านี้เริ่มจากที่ “นายกน้อย” อย่าง นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้ส่งข้อเสนอให้กับแกนนำพรรคภูมิใจไทย ช่วงเวลา 15:00 น. เมื่อวานนี้ (17 มิ.ย.68) ซึ่งตรงกับข้อมูลที่รายการ “เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand” ได้สอบถามกับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงหมดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ยอมรับว่า ได้รับการติดต่อจาก นพ.พรหมินทร์ จริง

อนุทิน ชาญวีรกูล

และได้รับข้อเสนอระดับ “ดีลการเมือง” ขอคืนเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย โดยแลกกับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่นายอนุทิน เคยทำหน้าที่มาแล้ว พร้อมกับแถมตำแหน่ง รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้อีก 1 ตำแหน่ง ก่อนที่ นายอนุทิน จะตอบเซย์โนแบบทันควัน

เวลาต่อมาเกิดกระแสข่าวว่า พรรคภูมิใจไทยจะเปิดแถลงข่าวตอบโต้ข้อเสนอดังกล่าวในวันนี้ (18 มิ.ย.68) เวลา 11:00 น. ทว่า น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย โฆษกพรรค ยืนยันกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ว่า ไม่มีการนัดแถลงใด ๆ และยังไม่ได้รับแจ้งอย่างเป็นทางการจากหัวหน้าพรรค โดยระบุว่า “ไม่รู้ข่าวมาจากทางไหนกันแน่”

  • เกมวัดใจ หรือถ่วงเวลา?

การปฏิเสธข้อเสนอโดยทันทีจากหัวหน้าพรรค และท่าที “นิ่ง-รอดู” จากโฆษกพรรค สะท้อนความระมัดระวังทางยุทธศาสตร์ อาจเป็นการชะลอเพื่อวัดแรงกระเพื่อมทั้งในพรรคและจากพันธมิตรอื่น ก่อนตัดสินใจเดินหมากครั้งใหญ่

ต้องไม่ลืมว่า พรรคภูมิใจไทยมี สส. จำนวนไม่น้อย (69 เสียง ข้อมูล ณ วันที่ 28 พ.ค.68) หากเกิดการปรับ ครม. โดยไม่ผ่านฉันทามติหรือการเจรจาร่วม อาจนำไปสู่การ “ถอนตัว” หรือ “งดออกเสียง” ซึ่งเท่ากับลดคะแนนสนับสนุนในสภาผู้แทนราษฎร และสั่นคลอนเสถียรภาพรัฐบาลโดยตรง

  • เสถียรภาพในภาวะเสียง “บอบบาง”

ปัจจุบันข้อมูลจากสภาฯ ณ วันที่ 28 พ.ค.68 มี สส. ปฏิบัติหน้าที่อยู่ 495 คน เสียงกึ่งหนึ่งของสภาคือ 248 คน โดยรัฐบาลเพื่อไทย มีเสียงรวมประมาณ 324 เสียง หากเสียเสียงจากพรรคร่วมบางส่วน เสถียรภาพจะตกลงมาอยู่ในระดับ “เสียงปริ่มน้ำ” ซึ่งอาจไม่พอสำหรับการผ่านร่างกฎหมายสำคัญ หรือแม้แต่การรับมือญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ

กระแสข่าวในหมู่ สส. ระบุว่า พรรคเพื่อไทยอาจใช้กลยุทธ์ “ไปตายเอาดาบหน้า” เดินหน้ารัฐบาลเสียงข้างมาก 261 เสียงต่อไปในระยะสั้น (6-8 เดือน) ก่อนวัดใจใหม่อีกครั้งในปลายปีหน้า

  • กระแทกตลาดหุ้น-ความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติสั่นไหว

ในวันเดียวกับที่ข่าว “1 แลก 2” แพร่สะพัด (17 มิ.ย.68) นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหลักทรัพย์ไทยถึง 607.70 ล้านบาท ดัชนี SET ปิดที่ 1,113.58 จุด ลดลง 0.08% เคลื่อนไหวในกรอบแคบ แม้ไม่มีปัจจัยลบจากต่างประเทศเด่นชัด

นักวิเคราะห์จากหลายโบรกเกอร์ ชี้ว่า ปัจจัยการเมืองในประเทศ โดยเฉพาะความไม่แน่นอนเกี่ยวกับ “เสถียรภาพ ครม.” และ “แรงกระเพื่อมในพรรคร่วมรัฐบาล” กำลังกดดันความเชื่อมั่นอย่างมีนัยสำคัญ นักลงทุนชะลอการตัดสินใจ โดยเฉพาะในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับนโยบายภาครัฐ เช่น โครงสร้างพื้นฐาน การเงิน และสุขภาพ

หากดีลนี้ไม่หยุดที่การ “ปฏิเสธ” แต่ลุกลามเป็นการ “ปรับ ครม.” หรือ “เปลี่ยนโฉมพันธมิตร” อาจเป็นจุดเริ่มต้นของ ความไม่แน่นอนทางการเมืองระยะกลาง ซึ่งสะท้อนเข้าตลาดทุนทันที และส่งผลต่อเนื่องถึงงบประมาณปี 2569 ที่กำลังอยู่ระหว่างวางกรอบ

สะท้อนว่าหากดีลการเมืองยืดเยื้อ เสถียรภาพรัฐบาลจะไม่ใช่แค่ปัญหาการบริหาร แต่คือ ความเสี่ยงเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลัง

Back to top button