สภาเลือก “ฉลาด ขามช่วง” นั่งรองประธานคนที่สอง แทน “ภราดร” แบบไร้คู่แข่ง

สภาผู้แทนราษฎร เลือก “ฉลาด ขามช่วง” จากพรรคเพื่อไทย ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่สอง แทน “ภราดร ปริศนานันทกุล” ที่ลาออก


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (24 ก.ค. 2568) ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีมติเลือกนายฉลาด ขามช่วง สส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง แทนนายภราดร ปริศนานันทกุล อดีต สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ที่ลาออกจากตำแหน่งภายหลังพรรคถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล โดยนายฉลาดเป็นผู้ได้รับการเสนอชื่อเพียงรายเดียว ทำให้ไม่ต้องมีการแข่งขันตามข้อบังคับการประชุม

ทั้งนี้ นายวัชรพล ขาวขำ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้เสนอเปลี่ยนลำดับวาระการประชุม โดยขอเลื่อนการพิจารณาเรื่องอื่น เพื่อให้เข้าสู่วาระการลงมติเลือกบุคคลดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่สองก่อนการถามกระทู้สด อย่างไรก็ตาม นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒนสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน ได้คัดค้าน และเสนอให้ที่ประชุมดำเนินการตามระเบียบวาระเดิม

หลังสภาฯ เห็นด้วยให้เลื่อนวาระการเลือกตั้ง รองประธานสภาฯ คนที่สองขึ้นมาพิจารณาก่อน ด้วยคะแนนเสียง 246 เสียงเห็นด้วย 47 เสียง และงดออกเสียง 1 เสียง

จากนั้น นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สส.สระแก้ว พรรคเพื่อไทย ได้เสนอชื่อ นายฉลาด ขามช่วง สส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย เป็นรองประธานสภาฯ คนที่สอง โดยมีผู้รับรองถูกต้อง

เมื่อเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้งรองประธานสภาฯ คนที่สอง นายฉลาด ได้รับการเสนอชื่อเพียงรายเดียว ทำให้เขาได้รับการเลือกตั้งโดยอัตโนมัติและแสดงวิสัยทัศน์ โดยสรุปว่า พร้อมที่จะทำหน้าที่รองประธานสภาฯ ในฐานะผู้ช่วยประธาน เพื่อให้การทำงานของสภาฯ ราบรื่นและเป็นกลางทางการเมือง ไม่ยึดติดกับการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่ง เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติและประชาชน ทั้งยังเน้นย้ำว่า สภาฯ จะต้องไม่เป็นสถานที่ที่น่าเบื่อหน่าย แต่ต้องเป็นที่พึ่งพาของประชาชนและสมาชิกสภาทุกคน

จากนั้น นายวันมูหะมัดนอร์ได้กล่าวแสดงความยินดี พร้อมเล่นมุกว่า “ขอแสดงความยินดี เมื่อได้รองประธานสภาฯ ชื่อ “ฉลาด” แล้ว หวังว่าจะฉลาดกันทั้งสภา”

ขณะที่นายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย กล่าวชื่นชมทุกพรรคการเมืองที่ไม่ส่งตัวแทนเข้าแข่งขัน เพราะตำแหน่งรองประธานสภาฯ ต้องเป็นตำแหน่งของรัฐบาล หากฝ่ายค้านส่งไปแล้วได้จะยุ่ง ถือว่าการไม่แข่งขัน แม้ว่าจะแพ้ก็อยากให้เป็นวัฒนธรรมและประเพณีในด้านดี

Back to top button