ครม. เคาะเดินหน้าเพิ่มศักยภาพประเทศ ไร้ถก “ยุบสภา” บนโต๊ะ

ครม. รักษาการ เห็นชอบร่างกฎหมายเพิ่มขีดความสามารถแข่งขันประเทศ พร้อมแต่งตั้งโฆษกรัฐบาลใหม่ “ชูศักดิ์” ย้ำไม่มีวาระ “ยุบสภา”


ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า วันนี้ (2 ก.ย.68) นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมมีมติอนุมัติร่างหลักการ ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. และรับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ เสนอ

ทั้งนี้ ร่างกฎหมายดังกล่าวจะถูกส่งต่อให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ก่อนนำเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาต่อไป

โดยสรุป ร่างกฎหมายฉบับนี้มีเป้าหมายบรรเทาผลกระทบจากการจัดเก็บภาษีส่วนเพิ่ม (Top-Up Tax) ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ต้นปี 2568 ซึ่งครอบคลุมนิติบุคคลข้ามชาติขนาดใหญ่ที่มีรายได้ระดับ 750 ล้านยูโรขึ้นไป โดยต้องเสียภาษีขั้นต่ำ (Global Minimum Tax) ในอัตรา 15% ตามกรอบของ OECD

มาตรการสำคัญ คือ การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีในรูปแบบเครดิต โดยผู้ประกอบการที่ได้รับการส่งเสริมสามารถนำเครดิตไปใช้แทนการชำระภาษีของตนเองหรือบริษัทในเครือภายในประเทศ หากยังมีเครดิตเหลือ สามารถขอคืนเป็นเงินสดจากกองทุนที่รัฐบาลจัดสรรได้ นอกจากนี้ยังมีการเปิดช่องให้ภาครัฐตรวจสอบและเพิกถอนสิทธิได้หากพบการใช้ประโยชน์ไม่ถูกต้อง

ร่าง พ.ร.บ. ยังให้อำนาจ สำนักงานบีโอไอ ประสานข้อมูลกับกระทรวงการคลังเพื่อสนับสนุนการบังคับใช้ และกำหนดบทเฉพาะกาลเพื่อให้การเปลี่ยนผ่านเป็นไปอย่างราบรื่น

แต่งตั้งข้าราชการการเมือง

นอกจากนี้ ครม. มีมติอนุมัติคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี มอบหมายรองนายกรัฐมนตรีให้ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีในกรณีไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ โดยเรียงลำดับดังนี้ 1. นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม 2. นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน 3. นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและ 4. นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

ในส่วนการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง ครม. เห็นชอบให้มีผู้ดำรงตำแหน่งเท่าที่จำเป็น จำนวน 15 ราย โดยในจำนวนนี้ แต่งตั้งนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ เป็นโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ เป็นรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

ขณะเดียวกัน ครม. รับทราบข้อห่วงใยของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เกี่ยวกับการบังคับใช้ พ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพคนพิการ พ.ศ. 2550 โดยแม้ประเทศไทยมีคนพิการกว่า 2.26 ล้านคน แต่มีผู้ได้งานทำจริงเพียงประมาณ 18,000 คนเท่านั้น ที่ประชุมจึงมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำแนกประเภทคนพิการอย่างชัดเจน และเร่งส่งเสริมการจ้างงานเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด

นายชูศักดิ์ ยืนยันว่า การประชุม ครม. ครั้งนี้เป็นการประชุมวาระปกติ ไม่ได้มีการหารือเรื่องการยุบสภา ส่วนการพิจารณางบกลางยังคงมีหลายรายการที่มีความจำเป็นเร่งด่วน เช่น งบประมาณจัดสรรนมและอาหารกลางวันนักเรียน

Back to top button