EURO ผนึก “สโคป หลังสวน” ลุยตกแต่ง 2 ยูนิตลักชัวรี ส่งซิกปีนี้ผลงานโต Double digit

EURO ลุยตกแต่ง 2 ยูนิตพิเศษโครงการ “SCOPE Langsuan” ด้วยเฟอร์นิเจอร์อิตาเลียนระดับโลก มอบประสบการณ์ Genuine Luxury Living ฟากผู้บริหารตั้งเป้ารายได้และกำไรเติบโต 2 หลัก พร้อมส่งซิกเปิดตัวที่นอนหรูจากอังกฤษ เร็วๆนี้


นายเควิน กัมบีร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูโร ครีเอชั่นส์ จำกัด (มหาชน) หรือ EURO เปิดเผยว่า บริษัทมีวิสัยทัศน์ (Vision) คือ Life is Better in a Beautiful Space ซึ่งหมายถึงการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นผ่านการออกแบบและพัฒนาพื้นที่ที่งดงามและสมบูรณ์แบบ โดยทางบริษัทฯมีบทบาทที่แตกต่าง คือ การคัดสรรสินค้าและบริการคุณภาพสูงเพื่อส่งมอบให้แก่พันธมิตร เช่น โครงการ Scope หลังสวน และสนับสนุนให้โปรเจกต์สามารถเกิดขึ้นจริงได้

สินค้าที่สร้างชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักมากที่สุดคือ เฟอร์นิเจอร์นำเข้า อย่างไรก็ตามปัจจุบันบริษัทไม่ได้จำกัดเพียงเฟอร์นิเจอร์ แต่ครอบคลุมถึงการปรับเปลี่ยนพื้นที่อยู่อาศัยให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ระบบสมาร์ทโฮม, ระบบไฟ, ห้องน้ำ, ห้องครัว, ตู้เสื้อผ้า, เครื่องออกกำลังกาย, ระบบเครื่องเสียง, เครื่องนอนคุณภาพ

ขณะที่ เป้าหมายของบริษัทฯนั้น คือ การช่วยเหลือลูกค้าที่กำลังสร้างพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นผู้พัฒนาโครงการ (Developer) หรือเจ้าของบ้าน ให้สามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการที่ดี เพื่อสร้างสรรค์พื้นที่ที่สวยงามได้ง่ายขึ้น พร้อมทั้งมอบประสบการณ์ที่ราบรื่นและดีที่สุดแก่ลูกค้า ซึ่งนี่คือหัวใจของ Vision Life is Better in a Beautiful Space ที่สะท้อนถึงการทำให้ทุกขั้นตอนของการตกแต่งบ้านเป็นเรื่องที่สนุกและเติมเต็มคุณภาพชีวิต

ด้าน นายยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโคป จำกัด กล่าวว่า เพื่อต่อยอดประสบการณ์ให้กับลูกค้าคนสำคัญ สโคป หลังสวน ได้ร่วมมือกับแบรนด์นำเข้าเฟอร์นิเจอร์แนวหน้าของประเทศไทย อย่าง EURO รังสรรค์สองยูนิตพิเศษ ด้วยแบรนด์เฟอร์นิเจอร์อิตาเลียนชั้นนำทั้ง 3 แบรนด์ อย่าง Molteni&C, Natuzzi Italia และ Calligaris ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับห้องในระยะยาว

พร้อมยังช่วยอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าที่ซื้อและพร้อมเข้าอยู่ได้เลย หรือแม้แต่ปล่อยเช่าก็ได้ราคาและสะดวกสำหรับนักลงทุน ซึ่งคอลเลกชันสุดท้ายนี้ ถือเป็นโอกาสที่ไม่ควรพลาดสำหรับผู้ที่มองหาทั้งการอยู่อาศัยและการลงทุนที่มีมูลค่าเพิ่มในระยะยาว

การตกแต่งโดยเฟอร์นิเจอร์อิตาเลียนแบรนด์ชั้นนำอย่าง Molteni&C, Natuzzi Italia และ Calligaris ถูกคัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน สะท้อน DNA ของ SCOPE—ความหรูหราเหนือกาลเวลา รายละเอียดที่แตกต่าง และรสนิยมที่ชัดเจนในทุกมิติของการใช้ชีวิต โดยที่ผ่านมา SCOPE ได้ร่วมมือกับ Euro Creations นำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกบ้าน อย่างการเลือกใช้เครื่องออกกำลังกาย แบรนด์ Technogym จากอิตาลี ที่สโคปให้ในส่วนกลางของทุกโครงการ และในครั้งนี้ ความร่วมมือถูกยกระดับสู่การตกแต่งภายในที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม นายเควิน กัมบีร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ นายอานันท์ อมรรัตนเวช รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร EURO กล่าวตรงกันว่า ด้วยประสบการณ์กว่า 20 ปีในธุรกิจ Living & Lifestyle-Euro Creations ทำหน้าที่เป็น Curator of Luxury Living Experience ที่ไม่เพียงคัดสรรเฟอร์นิเจอร์ระดับโลก แต่ยังช่วยเจ้าของบ้านสร้างงานออกแบบที่สะท้อนรสนิยมและไลฟ์สไตล์เฉพาะของแต่ละคนอย่างแท้จริง

สำหรับความร่วมมือครั้งนี้ บริษัทฯ ได้นำแบรนด์อิตาเลียนชั้นนำมาผสมผสานเข้ากับงานดีไซน์ของ SCOPE Langsuan จนเกิดเป็น Balanced Living Experience ที่ลงตัว ไม่ว่าจะเป็น Molteni&C แบรนด์เฟอร์นิเจอร์  ไอคอนิกที่เป็นสัญลักษณ์ของ Luxury Modern Living ด้วยงานดีไซน์เหนือกาลเวลา, Natuzzi Italia แบรนด์เฟอร์นิเจอร์ชั้นนำที่ขึ้นชื่อด้านความสบายและโซฟาหนังคุณภาพสูง, หรือ Calligaris ที่โดดเด่นด้วยดีไซน์ร่วมสมัยและฟังก์ชันการใช้งานที่ยืดหยุ่น

เนื่องด้วยที่อยู่อาศัย คือ พื้นฐานของคุณภาพชีวิตที่ดี SCOPE จึงพัฒนาโครงการที่ตอบโจทย์ครบทั้ง Product, Lifestyle และ Hospitality ภายใต้แนวคิด Think Sharp, Live Distinct โดยใส่ใจรายละเอียดในทุกตารางนิ้ว ทั้งการออกแบบที่พิถีพิถัน ฟังก์ชันที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตจริง ไปจนถึงบริการระดับเวิลด์คลาส เช่น พื้นที่ Pet Care, Dressing Room, Valet Parking และบริการแม่บ้าน เพื่อสร้างประสบการณ์การอยู่อาศัยที่แตกต่าง หรูหรา และเหนือระดับ โครงการยังสะท้อนคุณค่าในฐานะ Rare Asset ทั้งในแง่ทำเล คุณภาพ และศักยภาพการลงทุน ด้วย Capital Gain เฉลี่ย 4.5% ต่อปี

ส่วนการเปิดตัวยูนิตพิเศษจากคอลเลกชันสุดท้ายของ SCOPE Langsuan จึงไม่ใช่เพียงการเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ซื้อ แต่คือโอกาสครั้งสำคัญในการครอบครอง Rare Asset ใจกลางเมือง ที่สะท้อนทั้งรสนิยม คุณภาพ และศักยภาพการลงทุนในอนาคต เหลือเพียง 14 ยูนิตสุดท้ายเท่านั้นสำหรับผู้ที่มองหาการอยู่อาศัยเหนือระดับ และต้องการเป็นเจ้าของ Genuine Luxury Living ที่แท้จริงในทำเลที่หาไม่ได้อีกแล้วในกรุงเทพฯ

นายเควิน กัมบีร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร EURO ยังเปิดเผยถึงทิศทางธุรกิจหลังดำเนินงานมาตั้งแต่ต้นปี บริษัทได้วางเป้าหมายการเติบโตไว้ที่ระดับสองหลักทั้งรายได้ (Top Line) และกำไรสุทธิ (Bottom Line) ซึ่งจากผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกถือว่าใกล้เคียงกับเป้าหมาย แม้ต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจซบเซากว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่บริษัทก็ยังสามารถขับเคลื่อนธุรกิจไปได้อย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึง ศักยภาพและความยืดหยุ่น (Resilience) ขององค์กรในการรับมือกับความท้าทายทางเศรษฐกิจ

ขณะที่ ไฮไลต์สำคัญ ตลอดช่วงที่ผ่านมาบริษัทเดินหน้าลงทุนและขยายสาขาทั้งสาขาภูเก็ต รวมไปถึงเปิดสาขา Frette at Central Embassy, Montra รวมทั้ง Frame บนพื้นที่ขนาดใหญ่กว่า 2,000 ตารางเมตร บนถนนทองหล่อ

นอกจากนี้ ยังได้เปิดตัว สาขาแรกของแบรนด์ Bang & Olufsen เครื่องเสียงระดับโลก ณ ศูนย์การค้า Central Embassy ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการเสริมความแข็งแกร่งของพอร์ตธุรกิจ

อีกทั้งในเร็ว ๆ นี้ บริษัทจะประกาศการนำเข้าแบรนด์ที่นอนระดับโลก สหราชอาณาจักร ซึ่งได้รับเลือกใช้โดยราชวงศ์อังกฤษ ถือเป็นการเติมเต็มพอร์ตสินค้าในกลุ่มเครื่องนอนหรู เพื่อยกระดับข้อเสนอให้ครอบคลุมความต้องการของลูกค้าในทุกมิติ

ตลอดช่วง 1 ปีข้างหน้าบริษัทจะให้ความสำคัญกับการผลักดันให้ทุกสาขาที่ได้ลงทุนไปแล้วสามารถสร้างผลการดำเนินงาน (Performance) ได้อย่างเต็มศักยภาพ โดยมุ่งเน้นการเพิ่ม Same Store Sales Growth เพื่อสร้างรายได้ต่อสาขาให้เติบโตต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อการสร้างการเติบโตของกำไรสุทธิ (Bottom Line Growth) ให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

หากมองไปยังอนาคตเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม ปี 2569 บริษัทเตรียมเปิดสาขาขนาดใหญ่บนพื้นที่กว่า 4,000 ตารางเมตร มูลค่าการลงทุน 400 ล้านบาท พร้อมทั้งเสริมแบรนด์ใหม่ๆ เข้ามาเพื่อให้โครงการมีความครบถ้วนสมบูรณ์ นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนปรับปรุงอาคารเดิมที่ซอยสุขุมวิท 66/1 ให้ทันสมัย

พร้อมกันนี้ภายในเดือนมิถุนายนปี 2569 EURO จะมีโชว์รูมครบ 10 สาขา โดยเป็นสาขาขนาดใหญ่ที่สะท้อนการมุ่งเน้นการเป็น บริษัทบริหารแบรนด์ (Brand Management Company) ที่นำเข้าและนำเสนอแบรนด์เฟอร์นิเจอร์และสินค้าไลฟ์สไตล์ระดับโลกอย่างครบวงจร

“แม้เศรษฐกิจโดยรวมจะได้รับผลกระทบตามวัฏจักร แต่ตลาดบนสุดหรือกลุ่มผู้บริโภคไฮเอนด์ยังคงมีศักยภาพ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงและได้รับผลกระทบน้อยที่สุดอย่างไรก็ตาม หากตลาดทุนผันผวนรุนแรง 20-40% ก็ย่อมส่งผลต่อความเชื่อมั่นและการใช้จ่ายของกลุ่มลูกค้านี้เช่นกัน ผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกสะท้อนให้เห็นว่า บริษัทซึ่งมุ่งเน้นตลาดไฮเอนด์เป็นหลัก ยังคงรักษาการเติบโตได้ทั้งในด้านรายได้ (Top Line) และกำไรสุทธิ (Bottom Line)”

ทั้งนี้ องค์กรได้กำหนดโครงสร้างรายได้ที่ชัดเจน โดยตั้งเป้าให้ 60-70% มาจาก ธุรกิจค้าปลีก (Retail) และ 30-40% มาจากโครงการ (Project Business) เนื่องจากธุรกิจค้าปลีกช่วยสร้างกระแสเงินสด (Cash Flow) ที่มั่นคง รับเงินก่อนส่งมอบสินค้า อีกทั้งยังมีอัตรากำไร (Margin) ที่ดีกว่า พร้อม มุ่งมั่นสร้างการเติบโตสองหลักต่อปี (ทั้งรายได้และกำไร) แม้ปีที่ผ่านมา จะเติบโตเพียง 3% เนื่องจากเป็นปีที่ท้าทาย แต่ปีนี้บริษัทคาดว่าจะกลับมาเติบโตในระดับสองหลัก และตั้งเป้าหมายปีหน้าก็ต้องไม่ต่ำกว่านี้

บริษัทเป็นองค์กรที่ เปิดเผยข้อมูลอย่างเต็มที่ โดยผู้บริหารจัด Open Day ทุก 3 เดือน หลังประกาศผลประกอบการ เพื่อให้นักลงทุนสามารถเข้ามาถามคำถาม ศึกษาธุรกิจ และเข้าใจการดำเนินงานอย่างลึกซึ้ง พร้อมเชื่อว่า ธุรกิจของ EURO ซึ่งมุ่งเน้นการ บริหารแบรนด์นำเข้าระดับหรู อาจยังไม่เป็นที่คุ้นเคยในไทย ดังนั้นการเปิดโอกาสให้นักลงทุนได้เข้ามาสัมผัสและศึกษา จะช่วยสร้างความมั่นใจ และดึงดูดนักลงทุน ระยะยาว ที่พร้อมอยู่กับบริษัทไปพร้อมกับการเติบโตอย่างต่อเนื่อง” นายเควิน กล่าวทิ้งท้าย

Back to top button