
มหาดไทยกางฎีกา! ยันจบปมที่ดินเขากระโดง ชี้ชะตา 995 โฉนดอยู่ในมือศาล หลัง รฟท. ดื้อฟ้องต่อ
ปลัดกระทรวงมหาดไทย แถลงความคืบหน้ากรณีพิพาทที่ดินเขากระโดง ยืนยันกรมที่ดินดำเนินการตามคำสั่งศาลครบถ้วนทุกประการ และคำสั่งไม่เพิกถอนโฉนด 995 แปลงชอบด้วยกฎหมายแล้ว แนะทุกฝ่ายรอผลตัดสินจากศาลปกครองกลาง หลังการรถไฟฯ ยื่นฟ้องคดีใหม่ ย้ำพร้อมต่อสู้เพื่อยุติมหากาพย์ที่ดิน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (17 ก.ย.68) นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินการกับที่ดินบริเวณเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ และกรณีกระทรวงมหาดไทยมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบคำสั่งอธิบดีกรมที่ดินจากกรณีไม่เพิกถอนโฉนด ว่า กรมที่ดินได้ดำเนินการตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 842–876/2560 ลงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2560 โดยสำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ได้ยกเลิกคำขอออกโฉนดที่ดินของราษฎรจำนวน 35 รายที่ฟ้องคดี พร้อมทั้งจำหน่ายหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง (ส.ค.1) ออกจากทะเบียนการครอบครองที่ดินแล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8027/2561 ลงวันที่ 22 พฤศจิกายน 2561 อธิบดีกรมที่ดินได้มีคำสั่งให้แก้ไขรูปแผนที่และเนื้อที่ใน น.ส.3 ข. เลขที่ 200 หมู่ 9 ตำบลเสม็ด อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ (บางส่วน) ตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินแล้ว และคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 คดีหมายเลขแดงที่ 1112/2563 ลงวันที่ 22 เมษายน 2563 สำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ได้ดำเนินการเพิกถอนโฉนดที่ดินและหนังสือรับรองการทำประโยชน์รวม 3 ฉบับตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 แล้ว ดังนั้น กรมที่ดินจึงได้ดำเนินการตามคำพิพากษาศาลทั้งสามคดีครบถ้วนแล้ว
สำหรับคดีศาลปกครองกลาง หมายเลขแดงที่ 582/2566 ลงวันที่ 30 มีนาคม 2566 ศาลมีคำสั่งให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา 61 วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน เพื่อดำเนินการกับที่ดินแปลงอื่นจำนวน 995 แปลงที่อยู่ในบริเวณที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) อ้างสิทธิ์ อธิบดีกรมที่ดินได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนฯ ตามคำพิพากษาดังกล่าวแล้ว โดยคณะกรรมการฯ ได้รวบรวมพยานหลักฐาน แต่ข้อเท็จจริงยังไม่ชัดเจนเป็นที่ยุติว่าที่ดินเป็นของการรถไฟฯ และการออกโฉนดที่ดินในพื้นที่เขากระโดงเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย คณะกรรมการฯ จึงมีความเห็นไม่สมควรเพิกถอนโฉนดที่ดิน อธิบดีกรมที่ดินได้พิจารณาความเห็นของคณะกรรมการสอบสวนฯ แล้วเห็นชอบด้วย จึงมีคำสั่งให้ยุติเรื่อง การรถไฟฯ จึงได้อุทธรณ์คำสั่งยุติดังกล่าว ซึ่งรองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านกิจการความมั่นคงภายใน พิจารณาแล้วเห็นว่าคำสั่งยุติเรื่องของอธิบดีกรมที่ดินชอบด้วยกฎหมาย จึงยกอุทธรณ์ของการรถไฟฯ และกรมที่ดินได้แจ้งสิทธิการฟ้องคดีให้การรถไฟฯ ทราบแล้ว
ต่อมา การรถไฟฯ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองสูงสุดเพื่อให้เรียกอธิบดีกรมที่ดินมาไต่สวน โดยเห็นว่ายังดำเนินการไม่ครบถ้วนตามคำพิพากษาศาลปกครองกลาง แต่ศาลปกครองสูงสุดได้พิจารณาแล้วเห็นว่า เมื่ออธิบดีกรมที่ดินตั้งคณะกรรมการสอบสวนฯ ก็ถือเป็นการดำเนินการตามคำพิพากษาของศาลปกครองกลางแล้ว ส่วนการรังวัดหาแนวเขตที่ดินของการรถไฟฯ เป็นเพียงข้อแนะนำของศาล ซึ่งกรมที่ดินก็ได้ดำเนินการแล้วเช่นกัน หากการรถไฟฯ เห็นว่าอธิบดีกรมที่ดินดำเนินการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ถูกต้องตามคำพิพากษา ก็สามารถยื่นเป็นคำร้องต่อศาลปกครองชั้นต้นที่มีอำนาจพิจารณาคดีต่อไป ศาลปกครองสูงสุดจึงมีคำสั่งยกคำร้องของการรถไฟฯ
อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2568 การรถไฟฯ ได้ยื่นฟ้องกรมที่ดิน อธิบดีกรมที่ดิน และปลัดกระทรวงมหาดไทย ต่อศาลปกครองกลาง เพื่อให้เพิกถอนคำสั่งยุติเรื่องและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ ซึ่งขณะนี้ศาลได้รับคำฟ้องไว้และอยู่ระหว่างกรมที่ดินจัดทำคำให้การต่อสู้คดี
ส่วนกรณีที่นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบคำสั่งอธิบดีกรมที่ดินกรณียุติเรื่องนั้น คณะกรรมการตรวจสอบฯ เห็นว่า อธิบดีกรมที่ดินยังดำเนินการไม่ครบถ้วนก่อนการมีคำสั่งให้ยุติเรื่อง จึงเห็นควรให้อธิบดีกรมที่ดินทบทวนคำสั่งยุติเรื่องดังกล่าว
นายอรรษิษฐ์ กล่าวย้ำว่า กรมที่ดินพิจารณาแล้วขอเรียนว่า ที่ผ่านมากรมที่ดินได้ดำเนินการครบถ้วนแล้วทั้งตามคำพิพากษาศาลฎีกาและศาลอุทธรณ์ภาค 3 คำพิพากษาศาลปกครองกลาง ประกอบกับปัจจุบันการรถไฟฯ ก็ได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองกลางตามข้อ 4 แล้ว ทุกฝ่ายจึงควรรอผลคำพิพากษาของศาล อันจะทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายได้รับหลักประกันความเป็นธรรมตามกระบวนการจากองค์กรตุลาการที่ได้รับการยอมรับ อย่างไรก็ตาม หากการรถไฟฯ เห็นว่าตนมีสิทธิในที่ดินดีกว่า ก็ไม่ตัดสิทธิการรถไฟฯ ที่จะไปใช้สิทธิทางศาลยุติธรรม



