ศาลปกครองกลางสั่ง กทม.–กรุงเทพธนาคม จ่ายหนี้ BTS สายสีเขียว 1.1 หมื่นล้าน

เปิดคำพิพากษา ศาลปกครองกลางสั่ง “กทม.–กรุงเทพธนาคม” ชดใช้ BTS สายสีเขียว 1.1 หมื่นล้านบาท ภายใน 180 วัน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (29 ก.ย.68) ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ 2505/2565 คดีหมายเลขแดงที่ 2266/2568 ระหว่างบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC ผู้ฟ้องคดี กับกรุงเทพมหานคร ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2

โดยผู้ฟ้องคดีฟ้องว่า ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองไม่ชำระเงินค่าจ้างให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 และส่วนต่อขยายที่ 2 ตั้งแต่งวดเดือนมิถุนายน 2564 ถึงงวดเดือนตุลาคม 2565 จึงนำคดีมาฟ้องต่อศาล ขอให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระหนี้ตามสัญญา พร้อมดอกเบี้ยจนถึงวันฟ้องคดี รวมเป็นเงิน 11,068,554,611.61 บาท

ศาลปกครองกลางพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้เกี่ยวเนื่องกับคดีของศาลปกครองสูงสุด หมายเลขดำที่ อ.2226/2565 หมายเลขแดงที่ อ.725/2567 เนื่องจากมีคู่กรณีและสัญญาที่พิพาทเป็นอย่างเดียวกัน ประเด็นความสมบูรณ์ของสัญญาที่พิพาทจึงได้รับการวินิจฉัยชี้ขาดโดยศาลปกครองสูงสุดแล้ว และเป็นที่สุดตามมาตรา 73 วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542

สำหรับประเด็นยอดหนี้ตามคำฟ้อง ปรากฏว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ได้ชำระเงินค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 1 ให้แก่ผู้ฟ้องคดีบางส่วนแล้ว แต่ยังมีหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงที่ค้างชำระพร้อมดอกเบี้ยตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2564 จนถึงเดือนตุลาคม 2565 ทั้งส่วนต่อขยายที่ 1 และ 2 ที่ต้องชำระให้แก่ผู้ฟ้องคดี โดยผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ในฐานะผู้ว่าจ้างและผู้มอบหมายให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ดำเนินกิจการทางปกครองดังกล่าว ต้องร่วมรับผิดในหนี้ดังกล่าวทั้งหมดพร้อมดอกเบี้ย

ส่วนกรณีที่ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองอ้างการนำสูตรคำนวณในเอกสารแนบท้าย 7 ของสัญญามาใช้ ศาลเห็นว่าไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า คู่สัญญาตกลงให้มีการปรับค่าจ้างใหม่ตามปัจจัยภายนอก ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองจึงไม่อาจนำสูตรคำนวณดังกล่าวมาใช้ได้

สำหรับประเด็นการชี้มูลความผิดของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เกี่ยวกับการขยายอายุสัญญาสัมปทานระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานครนั้น ศาลเห็นว่า เป็นอีกสัญญาหนึ่งที่แยกออกไป ไม่เกี่ยวข้องกับข้อพิพาทในคดีนี้

ศาลปกครองกลาง พิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองร่วมกันชำระเงินให้แก่ผู้ฟ้องคดี สำหรับหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงส่วนต่อขยายที่ 1 จำนวน 2,895,049,026.55 บาท พร้อมดอกเบี้ยของต้นเงินจำนวน 2,771,356,222.15 บาท และหนี้ค่าจ้างเดินรถและซ่อมบำรุงส่วนต่อขยายที่ 2 จำนวน 8,173,420,912.28 บาท พร้อมดอกเบี้ยของต้นเงินจำนวน 7,848,122,792 บาท คิดตามอัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR) ของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) บวก 1% ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น โดยให้ชำระให้แล้วเสร็จภายใน 180 วันนับแต่วันที่คดีถึงที่สุด คืนค่าธรรมเนียมศาลบางส่วนตามส่วนที่ชนะคดี ส่วนคำขออื่นให้ยก

Back to top button