“นายก” สั่งถกเพิ่มเงินเยียวยา “พื้นที่รับน้ำ–ท่วมเกิน 30 วัน” จบ พ.ย.นี้

โฆษกรัฐบาล เผย นายกฯ สั่งในครม. หลัง “ภราดร” รายงานมวลน้ำจากพายุคัลแมกี สนทช. บริหารระบายน้ำสองฝั่งลดผลกระทบพื้นที่อยู่อาศัย พร้อมเร่ง “โสภณ–ธรรมนัส” พิจารณาเพิ่มอัตราเงินเยียวยาพื้นที่รับน้ำและผู้ประสบภัยน้ำท่วมเกิน 30 วัน ให้แล้วเสร็จภายในเดือนพ.ย.นี้


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (11 พ.ย.68) นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้รับรายงานสถานการณ์น้ำจากนายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่า ปัจจุบันมวลน้ำที่เกิดจากอิทธิพลของ “พายุคัลแมกี” ส่งผลให้มีปริมาณน้ำเหนือเขื่อนจำนวนมาก พร้อมมีมวลน้ำส่วนหนึ่งที่กำลังไหลสมทบเข้าสู่เขื่อนภูมิพล

สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สนทช.) จะดำเนินการระบายน้ำไปทางทิศตะวันตกและทิศตะวันออกสู่พื้นที่ทุ่ง เพื่อชะลอและบรรเทาการไหลของน้ำไม่ให้เข้าสู่พื้นที่อยู่อาศัยอย่างรวดเร็วหรือในปริมาณมากเกินไป ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่รับน้ำ

นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้นายโสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรี ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ ปรึกษาหารือกับ ..ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อพิจารณาอัตราเงินช่วยเหลือเยียวยาใหม่สำหรับพื้นที่รับน้ำ พร้อมทั้งให้พิจารณาอัตราเยียวยาเพิ่มเติม สำหรับประชาชนที่บ้านเรือนถูกน้ำท่วมเกิน 30 วัน โดยกำชับให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนนี้

ด้านกรมชลประทาน รายงานสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ที่สถานีวัดน้ำ C.2 อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ มีอัตราการไหลผ่านอยู่ที่ 3,011 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ก่อนจะไหลมาสมทบกับน้ำจากแม่น้ำสะแกกรัง และลงสู่พื้นที่เหนือเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท ตามลำดับ

ที่ผ่านมา กรมชลประทาน ได้รับน้ำเข้าสู่ระบบชลประทานทั้งฝั่งซ้ายและฝั่งขวาอย่างเต็มศักยภาพ พร้อมควบคุมการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาในอัตรา 2,900 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งเหมาะสมกับช่วงเวลาที่ระดับน้ำทะเลมีแนวโน้มลดลง โดยคาดว่าการระบายชุดนี้จะเป็นการระบายรอบสุดท้ายของฤดูฝนปี 2568

ส่วนเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ได้ปรับลดการระบายน้ำเหลือ 200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยปริมาณน้ำดังกล่าวจะไหลผ่านเขื่อนพระรามหก และเข้าสู่คลองระพีพัฒน์ เพื่อส่งต่อน้ำลงสู่พื้นที่เจ้าพระยาฝั่งตะวันออกตอนล่าง ก่อนเร่งระบายต่อไปยังแม่น้ำนครนายก แม่น้ำบางปะกง และอ่าวไทยตามลำดับ มาตรการดังกล่าวจะช่วยลดปริมาณน้ำจากพื้นที่ตอนบนที่ยังมีน้ำอยู่ในระดับสูง และบรรเทาผลกระทบในพื้นที่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยาได้ในระดับหนึ่ง

Back to top button