
“อันวาร์” แย้มดีลภาษีสหรัฐ – “ทรัมป์” จ่อประกาศ 1 ส.ค. นี้ ลุ้นลดเหลือ 15–20%
นายกฯ “อันวาร์” เผยความคืบหน้าเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ “ทรัมป์” เตรียมประกาศอัตราใหม่ 1 ส.ค. นี้ หลังเพิ่งจัดเวทีเจรจาหยุดยิงไทย–กัมพูชาสำเร็จ ด้านสื่อดังคาด มาเลเซียอาจได้ลดภาษีนำเข้าเหลือ 15–20%
สำนักข่าวซีเอ็นเอ หรือ Channel News Asia รายงานจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ว่า นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เปิดเผยในวันนี้ (31 ก.ค.68) ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา จะประกาศอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากมาเลเซียในวันศุกร์นี้ (1 ส.ค.68)
นายอันวาร์ ระบุว่า “หวังว่าอัตราภาษีนำเข้าทั่วไปจะไม่เป็นภาระต่อเศรษฐกิจของเรา”
ทั้งนี้ มาเลเซีย กำลังเผชิญกับความเสี่ยงที่จะถูกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าไปยังสหรัฐฯ ในอัตรา 25% อย่างไรก็ตาม หนังสือพิมพ์ The Straits Times รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวทางการว่า สหรัฐฯ และมาเลเซีย อาจประกาศข้อตกลงลดภาษีเหลือ 15–20% ภายในวันศุกร์นี้
สำหรับความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงไม่กี่วัน หลังนายกรัฐมนตรีอันวาร์เป็นเจ้าภาพจัดการเจรจาสันติภาพระหว่างไทยกับกัมพูชา ที่เมืองปุตราจายา เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งทั้งสองฝ่ายสามารถบรรลุข้อตกลงหยุดยิง หลังเกิดเหตุปะทะบริเวณชายแดน จนมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 40 ราย และประชาชนหลายแสนคนต้องอพยพออกจากพื้นที่
ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ยกประเด็นการเจรจาการค้าเป็นเครื่องมือต่อรอง เพื่อกดดันให้ไทยและกัมพูชา ยุติปฏิบัติการทางทหารและเปิดโต๊ะเจรจาอย่างจริงจัง
นอกจากนี้ นายอันวาร์ ยังเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีทรัมป์จะเดินทางเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ซึ่งมาเลเซียเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26–28 ตุลาคม 2568 โดยเป็นการตอบรับคำเชิญจากตน
ทั้งนี้ ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา นายมาร์โค รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้เดินทางเยือนเอเชียเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก และการประชุมระดับรัฐมนตรีต่างประเทศของอาเซียน ร่วมกับประเทศคู่เจรจา ได้แก่ ญี่ปุ่น จีน เกาหลีใต้ รัสเซีย ออสเตรเลีย อินเดีย สหภาพยุโรป และประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โดยในการเดินทางดังกล่าว นายรูบิโอ ได้หารือกับนายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน ท่ามกลางสถานการณ์ที่ประเทศต่าง ๆ พยายามผลักดันวาระความร่วมมือของตนในภูมิภาคเอเชีย ขณะที่มาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ยังคงเป็นปัจจัยกดดันความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :