SET บ่ายลุ้นรีบาวด์เก็งหุ้นรายตัวงบ Q2 ดี

SET ปิดเช้าปรับตัวลงสวนทางตลาดภูมิภาค หลังเจอแรงกดดันจากหุ้นแบงก์ที่ปรับลงแรงหลังคาดงบ Q2/58 ไม่ดีเท่าที่ควรจาก NPL ที่สูงขึ้น ช่วงบ่ายคาดดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสยืนเหนือ 1,500 จุด จากการเทรดดิ้งและรับข่าวดีของกรีซ โดยมีแนวรับ 1,492 จุด ส่วนแนวต้าน 1,505 จุด


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน ตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ช่วงเช้า (2 ก.ค.) เคลื่อนไหวในแดนลบ หลังเจอแรงกดดันหุ้นกลุ่มแบงก์ที่ปรับตัวลงแรง โดยเฉพาะ KBANK ด้านตลาดหุ้นภูมิภาคเคลื่อนไหวในแดนบวก ยกเว้นจีน ส่วนปัจจัยที่ต้องจับตาช่วงนี้ คือ เรื่องการชำระหนี้ของกรีซ และผลประกอบการกลุ่มแบงก์ที่คาดว่าจะออกมาไม่ดีเท่าที่ควร หลัง NPL มีทิศทางที่สูงขึ้นในไตรมาส 2/58

นักวิเคราะห์คาดช่วงบ่าย ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสกลับมายืนเหนือ 1,500 จุดได้ จากการเทรดิ้งและคาดหวังข่าวดีจากกรีซ รวมถึงเก็งหุ้นรายตัวจากความคาดหวังของผลประกอบการของ Q2/58 โดยมีแนวรับ 1,492 จุด ส่วนแนวต้าน 1,505 จุด  ขณะที่แนะนำซื้อหุ้นกลุ่มหลัก อย่าง PTTGC-BCP-AOT-BLA-SAMART-INTUCH-CK-STEC-SEAFCO และ BTS

 

นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงสวนทางตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นภูมิภาคเอส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น ยกเว้นจีน ซึ่งมองว่าตอบรับข่าวบวกจากเรื่องกรีซก่อนที่ประชามติจะออกมาในวันที่ 5 ก.ค.นี้ หลังจากนายกกรีซออกมายอมรับเงื่อนไขของเจ้าหนี้ แต่มองว่าเป็นความพยายามของลูกหนี้ ซึ่งเจ้าหนี้เองต้องรอผลประชามติก่อน จึงไม่แน่ใจว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองด้วยหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ผลโพลเบื้องต้นออกมาว่าคนน่าจะยอมรับเงื่อนไขเจ้าหนี้มากกว่า

ส่วนตลาดบ้านเราได้รับแรงกดดันจากหุ้นในกลุ่มแบงก์ที่ปรับตัวลง อันเนื่องมาจากการตั้งสำรองเพิ่มขึ้นจากตัวเลข NPL ที่มีแนวโน้มขยับขึ้น และราคาน้ำมันยังปรับตัวลงด้วย

แนวโน้มการลงทุนบ่ายนี้ คาดว่าตลาดหุ้นไทยมีโอกาสฟื้นตัวขึ้นได้ เนื่องจากเป็นลักษณะของการเทรดดิ้งและคาดหวังข่าวดีจากกรีซในสัปดาห์หน้า ดังนั้น บ่ายนี้ตลาดอาจมีลุ้นกลับมายืนเหนือระดับ 1,500 จุด แต่คงต้องเลือกเล่นหุ้นรายตัว อาจอิงผลประกอบการได้ พร้อมให้แนวรับ 1,492 จุด ส่วนแนวต้าน 1,505 จุด

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (2 ก.ค. ) ว่า ความกังวลต่อการปรับตัวขึ้นของ NPLs ในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/58 ที่มีแนวโน้มอ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ไว้ และอาจยังไม่ใช่จุดต่ำสุดของปีอย่างที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ แต่เป็นปัจจัยกดดันสำหรับหุ้นกลุ่มธนาคารต่อเนื่องจากช่วงต้นสัปดาห์ และฝ่ายวิจัยคาดว่าหุ้นกลุ่มธนาคารยังมีแนวโน้ม Underperform ตลาดต่อเนื่องในช่วงนี้ จนกว่าจะประกาศงบในไตรมาส 2/58 ช่วงกลางเดือน ก.ค.นี้

โดย คาดว่าหุ้นที่ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/58 จะออกมาดี อย่าง PTTGC-BCP-AOT-BLA มีแนวโน้มแข็งแกร่งกว่าตลาด และแนะนำซื้อต่อเนื่อง รวมไปถึง SAMART ที่แม้ราคาหุ้นยังอ่อนแอแต่เป็นจังหวะซื้อ คาดผลการดำเนินงานไตรมาส 1/58 เป็นจุดต่ำสุดของปีแล้ว

สำหรับหุ้นปันผลสูงยังเน้นไปที่ INTUCH โดยจ่ายปันผลกลางปีประมาณ 3.0% และ TRUEIF ที่จ่ายปันผลรายไตรมาส ซึ่งคาดว่าประมาณ 0.23 บาท/หุ้น หรือ 1.85% ขณะที่กลุ่มรับเหมา อย่าง CK-STEC-SEAFCO รวมไปถึง BTS ที่ได้รับผลดีจากแนวโน้มการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่เร่งตัวขึ้น (ดูตารางด้านล่าง) คาดว่าจะ Outperform ตลาดในระยะสัปดาห์ต่อไป

โครงการ มูลค่าเงินลงทุน (พันล้าน) เปิดประมูล
รถไฟรางคู่ คลอง 19-แก่งคอย 10.8 ก.ค.-15
รถไฟรางคู่ จิระ-ขอนแก่น 27.4 ก.ค.-ต.ค.15
รถไฟฟ้าสายสีส้ม 90.7 ส.ค.-15
สนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2.66 ต.ค..15
รถไฟฟ้าสายสีชมพู 26.7 ธ.ค.-15
รถไฟฟ้าสายสีเหลือง 31.7 ธ.ค.-15
Source: TNS compilation

 

บล.เอเอสแอล ระบุในบทวิเคราะห์ (2 ก.ค. ) ว่า ดัชนีหุ้นเช้านี้ไทยปรับตัวลงสวนทางตลาดต่างประเทศ หลังมีแรงกดดันจากกลุ่มธนาคารที่หนี้เสียมีแนวโน้มสูงขึ้น จึงปรับลดประมาณการกำไร โดยตัวที่ฉุดดัชนีลงมากคือ KBANK-SCB-TUF-BBL-PTTEP-KTP-PTT และ TMB แม้ดัชนีต่างประเทศและในภูมิภาคยังคงเป็นบวก เพราะคลายความกังวลต่อปัญหาหนี้กรีซที่มีท่าทีประนีประนอมมากขึ้น และขานรับตัวเลขภาคเอกชนของสหรัฐที่มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นเกินคาดรวมถึงข้อมูลของภาคการผลิตที่แข็งแกร่ง  

สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน มิ.ย.อยู่ที่ 74.4 โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 6 ต่ำสุดในรอบ 1 ปี ขณะที่ ธปท. ปรับลดจีดีพีเหลือโต 3.0% จาก 3.8% เนื่องจากเศรษฐกิจมีความเสี่ยงที่จะขยายตัวต่ำและฟื้นตัวช้า หลังราคาพืชผลทางการเกษตรอยู่ในระดับต่ำ รวมถึงภาวะภัยแล้งในปัจจุบัน และผู้บริโภคยังกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ที่จะส่งผลกระทบเชิงลบต่อการส่งออกและเศรษฐกิจของไทย ซึ่งการส่งออกของไทยในเดือนพ.ค.ลดลง 5% แต่ยังได้รับปัจจัยบวกจากการที่ กนง. คงดอกเบี้ยไว้ที่ 1.5% และราคาน้ำมันปรับตัวลดลง

แนวโน้มตลาดและหุ้นที่น่าสนใจภาคบ่าย คาดดัชนีสามารถยืนตัวบนแนวรับสำคัญที่ 1,495 ได้ หากช่วงบ่ายยังสามารถยืนต่อได้ จึงมีโอกาสรีบาวด์กลับขึ้นทดสอบจุดสูงสุดของวันที่ 1,507

 

สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 4,398.59 ล้านบาท ปิดที่ 180.50 บาท ลดลง 8.50 บาท

SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,385.61 ล้านบาท ปิดที่ 151.00 บาท ลดลง 4.50 บาท

KTB มูลค่าการซื้อขาย 1,072.23 ล้านบาท ปิดที่ 16.70 บาท ลดลง 0.40 บาท

TASCO มูลค่าการซื้อขาย 818.20 ล้านบาท ปิดที่ 23.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท

BBL มูลค่าการซื้อขาย 678.06 ล้านบาท ปิดที่ 174.00 บาท ลดลง 4.00 บาท

 

ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์

Back to top button