SET บ่ายเคลื่อนไหวแดนลบลุ้นผลประชามติกรีซอาทิตย์นี้

แรงขายหุ้นพลังงานกดดัน SET ช่วงเช้าแกว่งแคบในแดนลบ แต่ยังได้แรงหนุนจากหุ้นแบงก์ที่รีบาวด์จากวานนี้ช่วยพยุงให้ปรับลงไม่มากนัก บ่ายนี้คาดดัชนีเคลื่อนไหวแดนลบต่อ นักลงทุนบางส่วนชะลอการลงทุนเพื่อรอความชัดเจนกรีซในวันอาทิตย์นี้ โบรกฯให้แนวรับ 1,485 จุด ส่วนแนวต้าน 1,495-1,500 จุด


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน ตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ช่วงเช้า (3 ก.ค.) แกว่งตัวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ โดยได้รับแรงกดดันจากหุ้นกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันปรับตัวลง แต่ดัชนียังได้แรงหนุนจากหุ้นแบงก์ที่รีบาวด์ในช่วงเช้า ขณะที่นักลงทุนเริ่มชะลอการลงทุนเพื่อรอผลการทำประชามติของกรีซในวันอาทิตย์นี้

นักวิเคราะห์คาดช่วงบ่าย ดีชนีหุ้นไทยยังเคลื่อนไหวแดนลบ โดยมีแนวรับ 1,485 ส่วนแนวต้าน 1,495-1,500 จุด ขณะที่ แนะนำหุ้นกลุ่มรับเหมา CK-STEC-SEAFCO ส่วนหุ้นท่องเที่ยว AOT และกลุ่มหุ้นปันผลสูง INTUCH-TRUEIF

 

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งตัวแดนลบเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากนักลงทุนชะลอการลงทุนเพื่อรอผลการทำประชามติของกรีซในวันที่ 5 ก.ค.นี้ โดยตลาดได้รับแรงกดดันจากหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันปรับลดลง ขณะที่ หุ้นกลุ่มแบงก์รีบาวด์ขึ้นมาหลังจากที่ร่วงลงแรงเมื่อวานนี้ โดยตลาดเริ่มรับรู้ปัจจัยลบจากแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/58 ที่ไม่ดีไประดับหนึ่งแล้ว

ขณะที่ แรงขายของนักลงทุนต่างชาติน่าจะเริ่มผ่อนคลายลง หลังจากที่ขายออกมามากเมื่อวานนี้ คาดว่าจะเป็นการปรับพอร์ตการลงทุน หลังจากที่นักวิเคราะห์หลายแห่งได้ปรับเปลี่ยนมุมมองต่อการลงทุนในหุ้นกลุ่มแบงก์

สำหรับแนวโน้มผลประกอบการของกลุ่มแบงก์ จะได้รับผลกระทบจากแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศที่ยังมีทิศทางชะลอตัว โดยล่าสุด บล.ทิสโก้ ได้ปรับอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในปีนี้เหลือโต 3% จากเดิม 3.2% หลังแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้ช้า อีกทั้งภาพรวมของการส่งออกที่ยังไม่ฟื้นตัว และรัฐบาลยังต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่รบกวนการทำงานค่อนข้างมาก ส่งผลให้การจะเร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจตามนโยบายหลักไม่สามารถทำได้เต็มที่มากนัก ส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย

ส่วนแนวโน้มการซื้อขายช่วงบ่าย คาดดัชนียังเคลื่อนไหวในแดนลบ โดยให้แนวรับระดับ 1,485 และแนวต้านอยู่ที่ 1,495-1,500 จุด

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (3 ก.ค.) ว่า การปรับลดลงแรงของหุ้นกลุ่มธนาคาร ตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาถือว่าตอบรับ Downside Risk ของคาดการณ์กำไรทั้งปีกลุ่มธนาคารที่ลดลง 6% จากประมาณการปัจจุบันไปแล้ว ขณะที่เมื่อพิจารณาในทางเทคนิคจะเห็นว่าธนาคารขนาดใหญ่อย่าง KBANK และ SCB มีโอกาสเกิด Technical Rebound ระยะสั้นแล้วหลังทดสอบโซนแนวรับที่ 175-180 บาท และ 151 บาท ตามลำดับ

อย่างไรก็ตามมองเป็นเพียงจังหวะเก็งกำไรเท่านั้น โดยยังแนะนำหุ้นกลุ่มรับเหมาอย่าง CK-STEC-SEAFCO ส่วนหุ้นท่องเที่ยว อย่าง AOT และกลุ่มหุ้นปันผลสูงอย่าง INTUCH-TRUEIF

 

บล.เอเอสแอล ระบุในบทวิเคราะห์ (3 ก.ค.) ว่า ดัชนีหุ้นไทยช่วงเช้าแกว่งตัวในแดนลบ โดยมีการซื้อขายที่ค่อนข้างเบาบาง คาดนักลงทุนรอความชัดเจนผลประชามติของกรีซในวันอาทิตย์นี้ ขณะที่ภาพรวมดัชนีมีแรงซื้อคืนในหุ้นกลุ่มแบงค์และหุ้นที่ฉุดดัชนีลง ได้แก่ CPF-ADVANC และหุ้นกลุ่มพลังงานจากราคาน้ามันดิบที่ปรับตัวลดลง

ส่วนแนวโน้มตลาดภาคบ่าย คาดดัชนีหุ้นไทยน่าจะสามารถยืนตัวบนแนวรับที่ 1,485 ได้ พร้อมเริ่มเข้าเขต Oversold มีโอกาสลุ้นรีบาวน์กลับขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 1,498

 

สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,677.06 ล้านบาท ปิดที่ 180.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท

AOT มูลค่าการซื้อขาย 598.15 ล้านบาท ปิดที่ 311.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท

SCB มูลค่าการซื้อขาย 541.93 ล้านบาท ปิดที่ 150.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท

PTT มูลค่าการซื้อขาย 537.34 ล้านบาท ปิดที่ 355.00 บาท ลดลง 1.00 บาท

PLANB มูลค่าการซื้อขาย 470.29 ล้านบาท ปิดที่ 5.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท

 

ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์

Back to top button