SET บ่ายฟื้นแต่ยังไม่พ้นแดนลบ รับข่าวดีครม.ชุดใหม่

SET ปิดเช้าร่วงตามประเด็นลบจากเหตุระเบิดเมื่อคืนนี้ โดยรับแรงกดดันจากกลุ่มท่องเที่ยว-พลังงาน ด้านตลาดหุ้นภูมิภาคเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ สำหรับปัจจัยนอกประเทศจับตาราคาน้ำมันเป็นหลัก คาดบ่ายดัชนีมีโอกาสฟื้นตัว แต่คงอยู่ในแดนลบ โดยมีแนวรับ 1,380-1,373 จุด ส่วนแนวต้าน 1,393-1,400 จุด


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน ตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ช่วงเช้า (18 ส.ค.) ร่วงแรงตามประเด็นลบจากเหตุระเบิดแยกราชประสงค์เมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็น Panic Sell โดยรับแรงกดดันจากกลุ่มท่องเที่ยว และกลุ่มพลังงานที่ปรับตัวลงตามทิศทางราคาน้ำมัน ด้านตลาดหุ้นภูมิภาคเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบ โดยปัจจัยนอกประเทศต่างจับตาไปที่ราคาน้ำมันเป็นหลัก

นักวิเคราะห์คาดช่วงบ่าย คาดตลาดมีโอกาสฟื้นตัว แต่คงยังอยู่ในแดนลบ โดยมีแนวรับ 1,380-1,373 จุด ส่วนแนวต้าน 1,393-1,400 จุด ขณะที่ แนะนำ CPN, SVI และ DELTA

 

นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้ย่อตัวลงตามประเด็นลบจากเหตุระเบิดแยกราชประสงค์เมื่อคืนนี้ ก่อนหน้านี้ช่วงปลายปี 49 ถึงต้นปี 50 เหตุระเบิด 9 จุดในขณะนั้นทำให้ดัชนีฯปรับตัวลงไปราว 3%

แต่เช้านี้ดัชนีฯลงไปเพียง 2.5% ใกล้เคียงกับรอบก่อน ซึ่งเป็น Panic Sell แต่ฟื้นตัวกลับมาได้บ้างแล้ว ซึ่งตลาดรับแรงกดดันจากกลุ่มท่องเที่ยวที่ร่วงแรงราว 10% และกลุ่มพลังงานที่ปรับตัวลงตามทิศทางราคาน้ำมัน

ทั้งนี้ ตลาดกำลังรอดูเหตุการณ์ว่าจะมีบานปลายหรือไม่ หากมีการควบคุมสถานการณ์ได้จะทำให้ตลาดค่อยๆ ฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม ตลาดยังมีแรงกระตุ้นจากที่นายกรัฐมนตรีได้นำรายชื่อการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ทูลเกล้าฯแล้ว ทำให้คาดหวังเกี่ยวกับการกระตุ้นเศรษฐกิจ

ด้านตลาดหุ้นภูมิภาคเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบ โดยปัจจัยนอกประเทศต่างจับตาไปที่ราคาน้ำมันเป็นหลัก ส่วนตลาดบ้านเราเวลานี้คงจะต้องอิงปัจจัยภายในอย่างเดียว

แนวการลงทุนบ่ายนี้ คาดตลาดมีโอกาสฟื้นตัว แต่คงยังอยู่ในแดนลบ พร้อมให้แนวรับ 1,380-1,373 จุด ส่วนแนวต้าน 1,393-1,400 จุด

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (18 ส.ค.) แม้ SET มีจังหวะ Technical Rebound เพื่อลดช่วงลบระหว่างวัน แต่มองว่าดัชนียังผันผวนต่อในช่วง 1-2 สัปดาห์นี้ด้วยแนวรับ 1,370 จุด และถัดไปที่ 1,350 จุด ขณะที่การ Rebound ของ SET ระยะสั้น คาดว่าจะมีระยะจำกัด และนักลงทุนยังอยู่ในสถานะ Risk-Off ต่อไป

ทั้งนี้ กลุ่มหุ้นที่ได้รับผลกระทบโดยตรงทั้งทาง Sentiment และ Fundamental อย่างกลุ่มสายการบิน โรงแรม และสนามบินอย่าง AAV-NOK-THAI-CENTEL (13% ของรายได้อิงกับโรงแรมในกรุงเทพฯ) MINT (7% ของรายได้อิงกับโรงแรมในกรุงเทพฯ) ERW (50% ของรายได้อิงกับโรงแรมในกรุงเทพฯ) AOT ควรรอแรงขายชะลอตัวลงก่อน แม้ราคาหุ้นปรับลดลงแรงแล้วก็ตามวันนี้

ส่วนหุ้นกลุ่มโรงภาพยนตร์ และโรงพยาบาล อย่าง MAJOR-BH-BDMS แม้ได้รับผลกระทบบ้าง แต่คาดว่าผลกระทบยังจำกัดเมื่อเทียบกับกลุ่มท่องเที่ยวโดยรวม

นอกจากนี้ โครงสร้างรายได้ของ CPN ที่ส่วนใหญ่เป็นรายได้ค่าเช่าพื้นที่ ทำให้ผลกระทบจากเหตุระเบิดส่งผลกระทบกำไรจำกัด ทำให้แนะนำ “ซื้อ” CPN ด้วยแนวรับที่ 40.0-41.0 บาท และพื้นฐาน 60.0 บาท คาดการณ์กำไรเติบโต 18% ปีนี้ และ 20% ในปี 59 จากการขยายพื้นที่เช่าต่อเนื่อง

ขณะที่กลุ่มหุ้นที่ได้รับผลดีจากค่าเงินบาทอ่อนค่า โดยมีรายได้อิงกับการส่งออก และผลการดำเนินงานไตรมาส 2/58 ออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ อย่าง SVI และ DELTA มีแนวโน้ม Outperform ตลาด

 

สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า

AOT มูลค่าการซื้อขาย 7,347.31 ล้านบาท ปิดที่ 268.00 บาท ลดลง 19.00 บาท

PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,059.06 ล้านบาท ปิดที่ 287.00 บาท ลดลง 10.00 บาท

CPN มูลค่าการซื้อขาย 1,542.99 ล้านบาท ปิดที่ 42.00 บาท ลดลง 3.00 บาท

MINT มูลค่าการซื้อขาย 1,440.53 ล้านบาท ปิดที่ 23.50 บาท ลดลง 2.00 บาท

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,314.37 ล้านบาท ปิดที่ 172.50 บาท ลดลง 1.00 บาท

 

ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์

Back to top button