SET บ่ายนี้ยังไม่พ้นแดนลบกูรูแนะซื้อหุ้น Outperform ตลาด

SET ช่วงเช้าปรับลงตามตลาดหุ้นภูมิภาค รับแรงกดดันจากปัจจัยนอกประเทศ โดยเฉพาะเหตุโจมตีระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ อีกทั้งนักลงทุนยังกังวลเศรษฐกิจจีนชะลอตัว-ตลาดหุ้นจีนที่ปรับตัวลงแรง ช่วงบ่ายตลาดแกว่งในแดนลบคล้ายช่วงเช้า โดยมีแนวรับ 1,360-1,350 แนวต้าน 1,370-1,380 จุด


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน ตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ช่วงเช้า (21 ส.ค.) ปรับลงตามตลาดหุ้นภูมิภาคที่เคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบ โดยมีแรงกดดันจากปัจจัยลบนอกประเทศเพิ่มเข้ามา ทั้งการโจมตีระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ที่เกิดขึ้นวานนี้ รวมถึงนักลงทุนกังวลเศรษฐกิจจีนที่ชะลอ และตลาดหุ้นจีนที่ปรับตัวลงแรงในวันนี้

นักวิเคราะห์คาดช่วงบ่าย ตลาดแกว่งในแดนลบเช่นเดียวกับช่วงเช้า แต่อาจะมีแรงซื้อเข้ามาจากกองทุน LTF-RMF ซึ่งจะช่วยหนุนตลาดไม่ให้ปรับตัวลงแรง โดยมีแนวรับ 1,360-1,350 แนวต้าน 1,370-1,380 จุด ขณะที่ กลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะ Outperform ตลาด เช่น CK-STEC-SEAFCO-HMPRO-GLOBAL-CPALL-ADVANC-INTUCH และ SVI นอกจากนี้ แนะนำลงทุนในทองคำ มองเป็นจังหวะ “LONG” Gold Futures หรือ “ซื้อ” Gold ETF อย่าง TGOLDETF 

 

น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยช่วงเช้าที่ผ่านมาดัชนีปรับตัวลงตามตลาดหุ้นภูมิภาค เนื่องจากภาวะตลาดหุ้นในวันนี้ซบเซา หลังมีปัจจัยกดดันจากภายนอกเพิ่มเข้ามามากขึ้น อย่างเช่น การโจมตีกันระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยที่นักลงทุนยังให้ความกังวลอยู่ คือ แนวโน้มของเศรษฐกิจในประเทศจีนที่ชะลอตัว และตลาดหุ้นจีนที่ปรับตัวลงแรง

แนวโน้มการลงทุนบ่ายนี้ คาดดัชนียังคงแกว่งตัวในแดนลบเช่นเดียวกับช่วงเช้า เนื่องจากปัจจัยลบที่กดดันส่งผลเชิงลบต่อตลาดอย่างมีนัยสำคัญ แต่มองว่าในช่วงที่ตลาดมีการปรับตัวลงจะมีกองทุน LTF-RMF เข้ามาเก็บ ซึ่งช่วยหนุนตลาดให้ไม่ปรับตัวลงแรง พร้อมให้แนวรับ 1,360-1,350 จุด แนวต้าน 1,370-1,380 จุด

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (21 ส.ค.) ความกังวลต่อการชะลอตัวเศรษฐกิจจีน, สงครามค่าเงิน, สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างเกาหลีเหนือ-ใต้ และผลกระทบจากเหตุระเบิด กดดัน SET ตั้งแต่เปิดตลาด ประเมินแนวรับสำคัญที่ 1,450-1,460 จุด

ขณะที่ ดัชนีเคลื่อนไหวใกล้แนวรับบริเวณ 1,450-1,460 จุด แต่การเข้าซื้อหุ้นเพิ่มช่วงนี้ แนะนำให้ซื้อเมื่อเกิดสัญญาณ “ฟื้นตัว” หรือ SET สามารถยืนได้เหนือระดับ 1,480 จุด โดยกลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะ Outperform ตลาดได้แก่:

1. กลุ่มรับเหมาฯ: เร่งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน CK-STEC (ทะลุ 24.40 บาท จะเป็นสัญญาณ Breakout ด้วยเป้าหมายถัดไปที่ 25.50 บาท) SEAFCO

2. กลุ่มค้าปลีก: มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม โดยเฉพาะรากหญ้า HMPRO (Underperform ตลาด 6% YTD ลุ้นยืนได้เหนือ 6.50 บาท วันนี้ มีจังหวะขึ้นไปที่ 7.0/7.35 บาท) GLOBAL (กำไร 2Q15 ออกมาดีกว่าคาด) CPALL (ถึงแนวรับที่ 47.25 บาทแล้ว)

3. กลุ่มสื่อสาร: ปันผลสูง และมีปัจจัยบวกจากการประมูล 4G รออยู่ อย่าง ADVANC-INTUCH (XD วันที่ 24 ส.ค.นี้ 2.40 บาท หรือ Yield ~3%)

4. กลุ่มหุ้นที่ได้รับผลดีจากการอ่อนค่าของเงินบาท: โดยเฉพาะ SVI ล่าสุดประกาศกำไร 2Q15 ดีกว่าคาด จากอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงกว่าคาด และการอ่อนค่าของค่าเงินบาทเป็นปัจจัยบวกโดยตรงต่อกำไร ขณะที่ให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง 3.2-5.4% ในปี 2015-16

5. ETF ที่ลงทุนในทองคำ: ความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกที่สูงขึ้น และการอ่อนค่าของค่าเงินบาท เป็นจังหวะ “LONG” Gold Futures หรือ “ซื้อ” Gold ETF อย่างTGOLDETF โดยประเมินแนวต้าน ราคาทองคำ COMEX รอบนี้ที่ US$1,250-1,260 หรือมี Upside จากปัจจุบัน 7.7% (ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าจะทำให้ราคาทองคำในประเทศสูงขึ้นเร็วกว่าราคาทองคำโลก)

 

สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า

PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,283.98 ล้านบาท ปิดที่ 258.00 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง

KTB มูลค่าการซื้อขาย 1,026.40 ล้านบาท ปิดที่ 17.90 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง

PTTGC มูลค่าการซื้อขาย 986.77 ล้านบาท ปิดที่ 52.50 บาท ลดลง 2.75 บาท

JAS มูลค่าการซื้อขาย 788.60 ล้านบาท ปิดที่ 5.05 บาท ลดลง 0.10 บาท

AOT มูลค่าการซื้อขาย 716.54 ล้านบาท ปิดที่ 265.00 บาท ลดลง 3.00 บาท

 

ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์

Back to top button