SET ยังลุ้นรีบาวด์เหนื่อยแม้มีข่าวดีเกาหลีแตะ 1,260 ช้อนหุ้นรับเหมา-ค้าปลีก-ปันผล

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยยังมีปัจจัยกดดันรอบด้าน แม้การที่เกาหลีเหนือและใต้ บรรลุข้อตกลงยกเลิกภาวะกึ่งสงครามแล้วเช้านี้ อาจเป็นตัวช่วยให้เกิด Technical Rebound ระหว่างวัน การลงทุนเล่นเก็งกำไรหากดัชนีลงไปที่แนวรับ 1,260 จุด เน้นกลุ่มรับเหมา, ค้าปลีก และปันผลสูง


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.14 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.55 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลง โดยได้รับปัจจัยถ่วงจากการร่วงลงของตลาดหุ้นทั่วโลก ส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจโลกอาจชะลอตัวลงด้วย

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยยังมีปัจจัยกดดันรอบด้าน แม้การที่เกาหลีเหนือและใต้ บรรลุข้อตกลงยกเลิกภาวะกึ่งสงครามแล้วเช้านี้ อาจเป็นตัวช่วยให้เกิด Technical Rebound ระหว่างวัน การลงทุนเล่นเก็งกำไรหากดัชนีลงไปที่แนวรับ 1,260 จุด เน้นกลุ่มรับเหมา, ค้าปลีก และปันผลสูง รวมถึงกลุ่ม Domestic Play เป็นสำคัญ

หุ้นเด่นเลือก BC-BMCL-IFEC-WHA-ADVANC-KTB-CK-STEC-BTS-SEAFCO-JAS-INTUCH-GLOBAL-HMPRO และ CPALL

 

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (25 ส.ค.) ว่า SET INDEX วันนี้มีโอกาสที่จะหลุดแนว 1,300 จุด สู่แนวรับสำคัญในเชิงปัจจัยพื้นฐานบริเวณ 1,280-1,290 จุด แต่ยังให้น้ำหนักการลงทุนเป็น “กลาง” ต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 ปัจจัยที่กดดันตลาดหุ้นทั่วโลก ณ วันนี้ เป็นปัจจัยจากต่างประเทศตามที่เขียนข้างต้น มิได้เกี่ยวข้องกับปัจจัยพื้นฐานของตลาดหุ้นไทย ทั้งในแง่ของเศรษฐกิจ และ ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทจดทะเบียนตลาดหุ้นไทย

ปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ถึงแม้ว่าจะมีความเสี่ยงอยู่บ้าง แต่เราเชื่อว่าทีมเศรษฐกิจ ภายใต้การนำ รองนายกฯ ดร.สมคิด จะเร่งหามาตรการเรียกความเชื่อมั่น ระยะสั้น และระยะกลางถึงยาว ออกมาจากนี้ กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับภาคการลงทุนจากภาครัฐ และเอกชน เชื่อว่าจะทรงตัวได้ดีกว่าภาพรวมของ SET INDEX

ขณะที่ SET INDEX อาจยังเผชิญกับการปรับลดน้ำหนักการลงทุนในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับ Global Ecoenomy อย่างกลุ่มน้ำมัน/โรงกลั่น/ปิโตรเคมี แต่ ราคาหุ้นในกลุ่มเหล่านี้ปรับฐานลงมาต่ำกว่า -1SD ของค่าเฉลี่ย 1Yr Forward PER แล้วเช่นกัน และล่าสุด PTTGC ประกาศโครงการ Treasury Stock ย่อมสะท้อนถึงราคาหุ้น ณ ปัจจุบัน ต่ำกว่ามูลค่าที่ควรจะเป็นในมุมมองของบริษัท เชื่อว่าจะเห็นบริษัทจดทะเบียนทยอยประกาศโครงการซื้อหุ้นคืนออกมาอย่างต่อเนื่อง

เมื่อภาพเศรษฐกิจภายในประเทศ ยังมีโอกาสฟื้นตัวได้ในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ จากความคาดหวังเชิงบวกจากทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ บวกกับ Valuation ของกลุ่ม Global Play ที่ลงมาต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง ฝ่ายวิจัยประเมินในเชิงปัจจัยพื้นฐาน บริเวณต่ำกว่า 1,300 จุด มีความน่าสนใจทยอยสะสมหุ้นเป้าหมาย

โดยให้น้ำหนักกับแนวรับ 1,280 จุด จะทำงานได้อย่างแข็งแกร่ง และเป็นบริเวณที่ตลาดหุ้นไทยเคยปรับฐานลงแรงในช่วงต้นปี 2556 ของแรงขายกองทุน LTF ในช่วง 2 วันแรกของปี และกลายเป็นจุดที่เกิด Technical Rebound สร้างฐานรอบใหญ่ให้แก่ตลาดหุ้นไทยในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเช่นกัน

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำนักลงทุนเลือกเก็งกำไรในหุ้น/กลุ่ม Domestic Play เป็นสำคัญ จากการคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ที่จะเริ่มทำงานในช่วงต้นเดือนก.ย. เป็นอย่างเร็ว

Top Pick in Q3/15: BCP/BMCL/IFEC/WHA

Accumulative Buy: ADVANC/KTB

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (25 ส.ค.) ว่า แม้เกาหลีเหนือ-ใต้ บรรลุข้อตกลงยกเลิกภาวะกึ่งสงครามแล้วเช้านี้ อาจเป็น “ตัวช่วย” Technical Rebound ระหว่างวัน แต่ภาพหลักยัง “ผันผวน” ต่อ จาก 1) กังวลเศรษฐกิจจีนชะลอตัว 2) สงครามค่าเงินหลัง PBoC ลดค่าเงินหยวน 3) ราคาน้ำมันทำ New Low ตั้งแต่ มี.ค.2009 กดดันกลุ่มพลังงาน 4) เศรษฐกิจไทยกระทบจากเหตุระเบิดเมื่อวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา

แม้ภาพรวมของ SET จะผันผวนตามตลาดหุ้นโลก แต่การปรับลดลงต่อไปที่แนวรับ 1,260 จุด วันนี้ จะเป็นจังหวะ “เก็งกำไร” หุ้นกลุ่มดังต่อไปนี้

1) รับเหมาฯ: CK STEC (แนวรับ 23.4/23.0) SEAFCO

2) ปันผลสูง: ADVANC INTUCH (แนวรับ 74.75)

3) ค้าปลีก: GLOBAL HMPRO (แนวรับ 6.00)

 

บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (25 ส.ค.) ว่า ปัจจัยกดดันรอบด้าน ทั้งเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว และราคาน้ำมันดิบโลกทำจุดต่ำสุดใหม่น่าจะเป็นโอกาสดีต่อผู้ประกอบการที่ใช้น้ำมันเป็นต้นทุนหลัก โดยเฉพาะกลุ่มขนส่ง แนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นปันผลที่กระทบเศรษฐกิจในประเทศน้อย BTS (FV@B12)

 

บล.แอพเพิล เวลธ์  ระบุในบทวิเคราะห์ (25 ส.ค.) ว่า วานนี้ VIX Index ของตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นไประดับ 40.74 ซึ่งสะท้อนภาวะเสี่ยงและความกลัวของนักลงทุน ซึ่งทุกๆ ครั้งที่ VIX Index ปรับตัวสูงขึ้นผิดปกติจะเป็นดัชนีบ่งชี้ถึงภาวะใกล้จุดต่ำสุดของตลาดหุ้น ซึ่งจุดกลับตัวของรอบนี้น่าจะมาสาเหตุการหยุดตกของดัชนีหุ้นจีน และราคาน้ำมัน

ฝ่ายวิจัยประเมินความเสี่ยง ณ ปัจจุบันของตลาดหุ้นไทยเริ่มคุ้มค่าที่จะเสี่ยงเข้าทยอยซื้อสะสมหุ้นปัจจัยพื้นฐานในระยะกลาง โดยประเมิน Worst Case ของ SET INDEX ที่ระดับ 1,235-1,270 (Forward P/E 13-13.4 เท่า) ดังนั้นจึงแนะนำทยอยซื้อสะสม

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (25 ส.ค.) คาดการณ์มุมมองทางเทคนิค SET เมื่อวันก่อนยังปรับลงด้วยแรงกดดันของเส้นเฉลี่ย MA10 ขณะที่ MACD อยู่ที่ -27.32 ซึ่งลบมากขึ้นแสดงให้เห็นว่าภาพตลาดจะยังไม่สามารถแสดงภาพแนวโน้มขึ้นที่ชัดเจนได้ในสัปดาห์นี้ รูปของ candlestick เมื่อวันล่าสุดเมื่อวานแสดงรูปการเปิดลงแรง อาจลงต่อแต่แนว 1,285 จุดมีโอกาสดีดตัวเบา ทั้งนี้การดีดตัวยังอยู่ภายใต้สัญญาณทางเทคนิคแสดงภาพขาลง

แนวโน้มของตลาดจะเคลื่อนไหวที่กรอบ 1,285-1,322

หุ้นที่เลือกวันนี้มีโอกาสปรับขึ้น แนะนำซื้อเก็งกำไร JAS และ CPALL

Back to top button