SET บ่ายทรงตัว ยังไม่พ้นช่วงปรับฐานแนะซื้อ 7 หุ้นเด่น รอแตะ 1,340 ซื้อ!

SET เช้าปรับขึ้นได้ไม่มาก หลังปัจจัยบวกยังไม่ชัดเจน และรับแรงกดดันหุ้นพลังงาน ส่วนปัจจุบันต้องติดตามปัจจัยภายนอกเป็นหลัก ทั้งตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ การกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน ช่วงบ่ายคาดดัชนีมีโอกาสทั้งปรับขึ้นและลงได้ โดยต้องติดตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาค และตลาดหุ้นยุโรป โดยมีแนวรับ 1,320 จุด และแนวต้าน 1,340 จุด ซึ่งเป็นระดับที่มีสัญญาณบวก


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน ตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ช่วงเช้า (26 ส.ค.) ปรับตัวขึ้นได้ไม่มาก เนื่องจากปัจจัยบวกยังไม่ชัดเจน และยังได้รับแรงกดดันจากกลุ่มพลังงานอยู่ ซึ่งปัจจุบันต้องติดตามปัจจัยภายนอกเป็นหลัก ทั้งตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนว่าจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นได้มากแค่ไหน ส่วนเหตุการณ์ในประเทศเชื่อว่ารับรู้หมดแล้ว

นักวิเคราะห์คาดช่วงบ่าย ดัชนีมีโอกาสทั้งปรับขึ้นและลงได้ โดยต้องติดตามทิศทางตลาดหุ้นในภูมิภาค และตลาดหุ้นยุโรป รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจว่าจะเป็นอย่างไร โดยมีแนวรับ 1,320 จุด ส่วนแนวต้าน 1,340 จุด ขณะที่ แนะนำซื้อ STEC-CK-SEAFCO-HMPRO-GLOBAL-SVI และ PTTGC

 

นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี โอเอสเค (ประเทศไทย) เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้นได้ไม่มาก เนื่องจากปัจจัยบวกยังไม่ชัดเจน และยังมีแรงกดดันในกลุ่มพลังงานอยู่ ขณะที่ ต้องติดตามปัจจัยต่างประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะต้องติดตามว่าทางการจีนจะมีมาตรการในเชิงเศรษฐกิจที่สร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนได้หรือไม่ หากมีคงช่วยภาพรวมให้ตลาดหุ้นสามารถฟื้นตัวได้

อย่างไรก็ตาม SET ยังอยู่ในช่วงของการปรับฐาน และยังได้รับแรงกดดันจากกลุ่มพลังงานอยู่ แต่ในส่วนของหุ้นในกลุ่มอื่นๆ เริ่มมีความมั่นคงมากขึ้นในแง่ของราคาหุ้น ซึ่งปัจจุบันต้องติดตามปัจจัยภายนอกเป็นหลัก ทั้งตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนว่าจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้มากแค่ไหน ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศเชื่อว่าได้รับรู้ไปหมดแล้ว

แนวโน้มการลงทุนบ่ายนี้ ดัชนีมีโอกาสทั้งปรับขึ้นและลงได้ โดยยังต้องติดตามทิศทางตลาดหุ้นในภูมิภาค และตลาดหุ้นยุโรป และเรื่องของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจว่าจะเป็นอย่างไร พร้อมให้แนวรับ 1,320 จุด และแนวต้าน 1,340 จุด

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (26 ส.ค.) SET ฟื้นตัวต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้ นำโดยหุ้นใหญ่กลุ่มพลังงาน และธนาคาร อย่าง PTT, KBANK, KTB รวมไปถึง CPF ที่มีประเด็นซื้อหุ้นคืน 400 ล้านหุ้น หรือ 10,000 ล้านบาท คิดเป็น 5.17% ของหุ้นทั้งหมด

ทั้งนี้เมื่อพิจารณาในทางเทคนิค SET ควรยืนได้เหนือ 1,340 จุด ถึงจะเกิดสัญญาณ “บวก” ทางเทคนิค และเป็นสัญญาณ “ซื้อ” เพิ่มเพื่อลุ้นการฟื้นตัวต่อระยะสัปดาห์ ด้วยเป้าหมายถัดไป 1,380 จุด หรือบริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 1 เดือน

อย่างไรก็ตาม แม้ SET Rebound ได้ดีต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน แต่ยังแนะนำซื้อ แบบจำกัดวงเงินไปก่อน จนกว่าจะสามารถยืนได้เหนือ 1,340 จุด โดยมีกลุ่มหุ้นเด่นที่ได้รับผลดีจากการกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้า โดยเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน รวมไปถึงค่าเงินบาทอ่อนค่าลง

1) กลุ่มรับเหมา: STEC (ทะลุ 25.75 มีแนวต้านถัดไปที่ 27.75 บาท) CK-SEAFCO

2) กลุ่มค้าปลีก: HMPRO (พึ่งทะลุแนวต้าน 6.5 บาท ขึ้นมา มีเป้าหมายถัดไปที่ 7.30 บาท ขณะที่ราคาหุ้น Underperform ตลาดมากตั้งแต่ช่วงต้นปี) GLOBAL

3) กลุ่มที่ได้รับผลดีจากค่าเงินบาทอ่อน: SVI (กำลังทดสอบ High เดิมที่ 4.98 บาท ทะลุไปได้มีโอกาสขึ้นต่อไปที่ 5.35 บาท ขณะที่ทางพื้นฐานได้รับผลดีจากการอ่อนค่าของเงินบาทมากที่สุดเนื่องจาก > 95% เป็นการขายส่งออก)

4) PTTGC: ราคาหุ้นใกล้ Book Value ขณะที่ PE ต่ำ 8 เท่า และให้ Yield ประมาณ 5.9% พร้อมปันผลกลางปี 1.5 บาท (XD 4 ก.ย.) และโครงการซื้อหุ้นคืน 4.5 พันล้านบาท ตั้งแต่ 8 ก.ย.15-7 มี.ค. 58

 

สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า

PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,482.73 ล้านบาท ปิดที่ 254.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท

KTB มูลค่าการซื้อขาย 1,180.81 ล้านบาท ปิดที่ 18.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท

JAS มูลค่าการซื้อขาย 1,065.41 ล้านบาท ปิดที่ 5.05 บาท ลดลง 0.05 บาท

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 890.81 ล้านบาท ปิดที่ 171.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท

CPF มูลค่าการซื้อขาย 763.93 ล้านบาท ปิดที่ 18.90 บาท เพิ่มขึ้น 1.40 บาท

 

ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์

Back to top button