SET ทรงตัวรอผลประชุมเฟด-ตัวเลขศก.จัด 22 บจ.เด็ด หุ้นกลาง-เล็กดีกว่าตลาด

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยช่วงสั้นนี้ แกว่งระหว่าง 1,350-1,380 จุด จนกว่าจะเห็นความชัดเจนจากการประชุมเฟดในวันที่ 17 ก.ย. รูปแบบการลงทุนจึงเป็นการเลือกรายตัว และซื้อขายในกรอบที่ประเมินไว้ สำหรับหุ้นหลัก โดยเฉพาะกลุ่ม Domestic Play ขณะที่หุ้นขนาดกลางและเล็กจะมีความโดดเด่นกว่าภาพรวมตลาดหากมีประเด็นเก็งกำไรเฉพาะตัว หรือได้ประโยชน์จากนโยบายการลงทุนของภาครัฐ


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.15 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.81 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวเพิ่มขึ้นรับตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งเมื่อคืนนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐ (Beige Book) ทั้ง 12 เขต ที่ระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงขยายตัวได้ดี

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยช่วงสั้นนี้ แกว่งระหว่าง 1,350-1,380 จุด จนกว่าจะเห็นความชัดเจนจากการประชุมเฟดในวันที่ 17 ก.ย. รูปแบบการลงทุนจึงเป็นการเลือกรายตัว และซื้อขายในกรอบที่ประเมินไว้ สำหรับหุ้นหลัก โดยเฉพาะกลุ่ม Domestic Play ขณะที่หุ้นขนาดกลางและเล็กจะมีความโดดเด่นกว่าภาพรวมตลาดหากมีประเด็นเก็งกำไรเฉพาะตัว หรือได้ประโยชน์จากนโยบายการลงทุนของภาครัฐ

หุ้นเด่นเลือก QH-PS-STEC-CK-SEAFCO-SCC-KTB-CPALL-HMPRO-GLOBAL-KTC-BCP-BMCL-IFEC-WHA-ITD-TPIPL-WORK-SAMART-ADVANC-AOT และ EFORL

 

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (3 ก.ย.) มุมมองต่อตลาดหุ้นไทยในวันนี้ เราคงมุมมอง “กลางถึงบวก” เป็นวันที่ 3 แม้ว่าบรรยากาศรอบโลกจะยังกังวลต่อภาพรวมเศรษฐกิจมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯและจีน ที่โมเมนตัมส่งสัญญาณอ่อนแรงลงจากช่วงครึ่งปีแรกของปี 58 ย่อมกดดันจิตวิทยาการลงทุนของนักลงทุนทั่วโลกก็ตาม

แต่ปัจจัยพื้นฐานการลงทุนในตลาดหุ้นไทยต่างจากตลาดเกิดใหม่อื่นๆ ในเอเชีย ทั้งในแง่ของแรงขายต่างชาติสุทธิ 3.18 แสนล้านบาทนับตั้งแต่ปี 2556 Valuation ของตลาดหุ้นไทยทั้ง PER15 และ P/BV15 อยู่ในโซนซื้อ มากกว่า โซนขาย และการปรับเปลี่ยนทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล นำโดย ดร.สมคิด ซึ่งภาคเอกชนมีมุมมองเป็นบวกต่อรูปแบบการทำงานของดร.สมคิด ปัจจัยเหล่านี้ ทำให้ SET INDEX ในมุมมองของเรามี Downside Risk ที่จำกัด 1,350-1,360 จุด เชื่อว่าจะทำงานได้อย่างแข็งแกร่ง แต่แน่นอนว่า Upside gain ของรอบสั้นนี้ 1,380 จุด ยังไม่น่าผ่านเช่นกัน เพราะโมเมนตัมการลงทุนยังไม่สูงมากจนผลักดันหุ้นหลักในตลาดหุ้นไทย ไต่ระดับขึ้นทะลุด่านดังกล่าวได้

เมื่อภาพ SET INDEX ในช่วงสั้นนี้ แกว่งระหว่าง 1,350-1,380 จุด จนกว่าจะเห็นความชัดเจนจากการประชุมเฟดในวันที่ 17 ก.ย. รูปแบบการลงทุนจึงเป็นการเลือกรายตัว (Stock Selection) และซื้อขายในกรอบที่ประเมินไว้ สำหรับหุ้นหลัก โดยเฉพาะกลุ่ม Domestic Play ขณะที่หุ้นขนาดกลางและเล็ก (SMID Cap) จะมีความโดดเด่นกว่าภาพรวมของ SET INDEX หากมีประเด็นเก็งกำไรเฉพาะตัว หรือได้ประโยชน์จากนโยบายการลงทุนของภาครัฐ

วันนี้แนะนำติดตามการประชุม ECB ในความเห็นต่อภาวะผันผวนในตลาดเงิน ตลาดทุน และตลาดอัตราแลกเปลี่ยนทั่วโลก หลังมีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ และ จีน จะเติบโตต่ำกว่าที่เคยประเมินไว้ในครึ่งปีแรกของปี 58 อาจทำให้ ECB ต้องเตรียมผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมได้

กลยุทธ์การลงทุนแนะนำ “นักลงทุนที่เข้าสะสมหุ้นเป้าหมายไปก่อนหน้านี้ อาจพิจารณาขายทำกำไรเล่นรอบบริเวณ 1,370-1,380 จุด เพื่อรอจังหวะกลับมาโหลตหุ้นเป้าหมายอีกครั้ง เมื่อราคาย่อตัวระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย”

Top Pick in Q3/15: BCP/BMCL/IFEC/WHA

Accumulative Buy: ITD/TPIPL

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (3 ก.ย.) ว่า แนวรับ 1,350-1,360 จุด ยังทำงานได้ดี และคงเป้าหมายการปรับสูงขึ้นระยะสัปดาห์ที่ 1,380-1,400 จุด ด้วยปัจจัยบวกจาก 1) Dow Jones ปรับสูงขึ้น +1.82% หลัง Beign Book บ่งชี้เศรษฐกิจสหรัฐฯ แข็งแกร่ง 2) ราคาน้ำมันดิบ +2% หนุนหุ้นกลุ่มพลังงานวันนี้ 3) คาดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทยอยออกมาต่อเนื่องในช่วง 1-2 เดือนนี้

แนะนำ “ซื้อ” Consumption+Infrastructure Plays (เพิ่ม SCC) ต่อ ขณะที่กลุ่มหุ้นต่ำกว่า NAV และ Cheap Valuation อย่าง QH และ PS

1. Infrastructure Plays: STEC CK SEAFCO SCC และ KTB

2. Consumption Plays: “ซื้อ” CPALL HMPRO GLOBAL KTC

3. NAV + Cheap Valuation: “ซื้อ” QH และ PS (PE 7.4x, Yld 4%)

*รับความเสี่ยงได้สูง แนะนำ STEC16C1604A (Implied Vol 58%)

 

บล.เคเคเทรด ระบุในบทวิเคราะห์ (3 ก.ย.) ว่า SET วันนี้ปรับขึ้นทดสอบแนวต้านเดิมบริเวณ 1,385 จุด มองว่านักลงทุน-นักเก็งกำไรมีความมั่นใจในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น และตลาดหุ้นตปท.ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อ กลยุทธ์การลงทุน SET ทรงตัวบริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ แนะทยอยซื้อ ตั้งจุดตัดขาดทุนที่ 1,350 จุด

Top Daily Pick: SAMART (มูลค่าเหมาะสม 24.80 บ.), ADVANC (มูลค่าเหมาะสม 288 บ.)

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (3 ก.ย.) แนะนำให้ติดตามรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ส.ค. คาดจะเป็นจุดต่ำสุดและเริ่มเห็นฟื้นตามตัวใน ก.ย. นี้ หลังจากได้ ครม. ใหม่ และข่าวการจับผู้ต้องหาคดีวางระเบิดสร้างความมั่นใจภาคท่องเที่ยวกลับคืนมา

กลยุทธ์การลงทุน ยังวาง Filter แนวรับที่ 1,360 จุด หากยืนได้ดัชนีมีโอกาส Sideway ขึ้นทดสอบแนวต้าน 1,380-1,400 จุด แนะนำซื้อ WORK (Consensus@47) เป็นช่องทีวีดิจิตอลอันดับ 1 และคาดในไตรมาส 4/58 อาจปรับขึ้นราคาโฆษณาอีก 10 %

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (3 ก.ย.) คาดการณ์มุมมองทางเทคนิค SET เมื่อวันก่อนแกว่งตัวขึ้นด้วยแรงหนุนของแนวรับ 1,350 และ 1,360 จุด ยังแสดงสัญญาณ higher high และ ยังไม่พบ lower low เป็นการแสดงภาพของการเป็นแนวโน้มขึ้นระยะสั้นได้อยู่ ขณะที่ MACD อยู่ที่ -14.13 ซึ่งลบลดลงจากเมื่อวานนี้และเหนือ signal line แสดงให้เห็นว่า ค่า MACD ส่งผลดีต่อภาพระยะสั้นต่อเนื่อง โดยรูปของ canndlestick สี่วันล่าสุดแสดงรูปการแกว่งตัวขึ้นระยะสั้นจะสามารถขึ้นไปทดสอบ 1,390-1,400 จุด และไต่ระดับ MA10 ต่อไป

แนวโน้มของตลาดจะเคลื่อนไหวที่กรอบ 1,360-1,390

หุ้นที่เลือกวันนี้มีโอกาสปรับขึ้น แนะนำซื้อเก็งกำไร AOT และ EFORL

Back to top button