หุ้นท่องเที่ยวระส่ำ ไทยพบผู้ป่วยเมอร์สรายที่ 2สธ.กักตัวแล้ว เร่งตามตัว 37 คนมีความเสี่ยงสูง

ไทยพบผู้ป่วยเมอร์สรายที่ 2 ชาวโอมาน สธ.นำเข้าห้องแยกโรค ติดตามผู้สัมผัส 37 คน คาดหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว สายการบิน, โรงแรม หรือ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการอุปโภคบริโภค เช่น ศูนย์การค้าและโรงภาพยนตร์อาจได้รับผลกระทบ จากความกังวลต่อโอกาสติดเชื้อส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง ขณะที่กลุ่มโรงพยาบาลอาจได้ประเด็นบวกจากกรณีดังกล่าว


ไทยพบผู้ป่วยเมอร์สรายที่ 2 ชาวโอมาน สธ.นำเข้าห้องแยกโรค ติดตามผู้สัมผัส 37 คน คาดหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว สายการบิน, โรงแรม หรือ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการอุปโภคบริโภค เช่น ศูนย์การค้าและโรงภาพยนตร์อาจได้รับผลกระทบ จากความกังวลต่อโอกาสติดเชื้อส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง ขณะที่กลุ่มโรงพยาบาลอาจได้ประเด็นบวกจากกรณีดังกล่าว

 

นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข เปิดเผยว่า ได้มีการตรวจพบผู้ป่วยเข้าข่ายโรคเมอร์ส (MERS) หรือโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลางในประเทศไทยรายที่ 2 โดยผู้ป่วยเป็นชายชาวโอมาน อายุ 71 ปี ซึ่งเดินทางเข้ามาประเทศไทยพร้อมกับบุตรชาย 1 คน เมื่อวันที่ 22 ม.ค. ที่ผ่านมา แต่เครื่องเทอร์โมสแกนยังตรวจไม่พบอาการไข้

จากนั้นผู้ป่วยนั่งแท็กซี่เพื่อจะไปเช็คอินที่โรงแรม แต่ยังไม่ทันเข้าพักก็มีอาการและรีบไปรักษาที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ช่วงประมาณตี 1 ของเช้าวันที่ 23 ม.ค. และตรวจพบโรค จึงนำตัวเข้าห้องแยกโรคทันที โดยได้ตรวจพบเชื้อจึงรายงานการพบเชื้อมาที่กรมควบคุมโรค (คร.) ซึ่งได้ส่งตรวจยืนยันเพิ่มอีกครั้งที่สถาบันบำราศนราดูร จนพบผลเป็นบวก ซึ่งยืนยันพบเชื้อเมอร์สเช่นกัน จึงประสานตัวให้รับเข้าสถาบันบำราศนราดูร เมื่อเวลา 18.00 น. ของวันที่ 23 ม.ค.

สำหรับอาการผู้ป่วยในเช้าวันนี้ ผู้ป่วยรู้สึกตัวดี มีอาการเหนื่อย ได้รับออกซิเจนและยาบรรเทาอาการ เนื่องจากมีอาการอักเสบที่ปอด รับประทานอาหารได้ ยังนอนพักรักษาตัวที่ห้องแยกโรค ทั้งนี้ สิ่งที่กระทรวงสาธารณสุข ต้องดำเนินการต่อคือ การติดตามผู้สัมผัสผู้ป่วยรายนี้ ประกอบด้วย ญาติที่เดินทางมาพร้อม 1 คน (เสี่ยงสูง) ลูกเรือและผู้โดยสารบนเครื่องบน 218 คนที่ยังอยู่ในประเทศไทย (จากทั้งหมด 239 คน เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 23 คน เสี่ยงต่ำ 195 คน) คนขับรถแท็กซี่ 1 คน (เสี่ยงสูง) พนักงานโรงแรม 1 คน และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล 30 คน (เสี่ยงสูง 11 คน)

โดยผู้สัมผัสทั้งหมดนี้ จะนำเข้าระบบเฝ้าระวังติดตามอาการจนครบ 14 วัน จนพ้นระยะฟักตัวของโรค ในจำนวนนี้มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงจำนวน 37 คน ประกอบด้วยญาติ 1คน ผู้โดยสารบนเครื่องบิน 23 คน คนขับรถแท็กซี่ 1 คน พนักงานโรงแรม 1 คน เจ้าหน้าที่โรงพยาบาล 11 คน จะรับไว้ในสถานที่ที่เตรียมไว้ เพื่อติดตามอาการอย่างใกล้ชิด ที่เหลือเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ ซึ่งจะแนะนำให้แยกตัวเอง ลดการสังคมกับผู้อื่น มีระบบติดตามจากเจ้าหน้าที่

ด้านนพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ผู้ป่วยรายนี้ เป็นรายที่ 2 ของประเทศไทย ขณะที่สาธารณสุขมีประสบการณ์ในการทำงาน ทำให้ผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูงน้อยลง ระบบตรวจจับได้เร็วขึ้นใช้เวลาเพียง 10 ชั่วโมงเท่านั้น มีระบบการประสานงานที่ดีทั้งโรงพยาบาลรัฐ เอกชน ด่านควบคุมโรค ตรวจคนเข้าเมือง ทำให้ทราบชื่อ ที่อยู่ผู้สัมผัสและติดตามผู้สัมผัสผู้ป่วยได้ทั้งหมด พร้อมให้คำแนะนำการปฏิบัติตัวเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้ผู้ป่วยอยู่ในโรงพยาบาลที่มีระบบควบคุมป้องกัน เชื้อโรคไม่สามารถออกมานอกโรงพยาบาลได้ ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก ขอให้ประชาชนใช้มาตรการ กินร้อน ใช้ช้อนกลาง หมั่นล้างมือ หากเดินทางไปประเทศการระบาดของโรคเมอร์ส กลับมาภายใน 14 วัน หากมีไข้ ไอ ขอให้รีบพบแพทย์ทันที พร้อมแจ้งประวัติการเดินทาง

 

ขณะที่พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้รับทราบข้อมูล กรณีกระทรวงสาธารณสุขพบผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง หรือ โรคเมอร์ส แล้ว โดยขอให้ประชาชนที่ติดตามข่าวสาร อย่าตระหนก และเชื่อมั่นในระบบบริการสาธารณสุขของประเทศ ซึ่งมีระบบการคัดกรองที่ดี จึงทำให้สามารถรู้อาการของผู้ป่วยได้ และยังมีระบบบำบัดรักษา และควบคุมการแพร่ระบาดของโรคที่มีมาตรฐาน ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้กำชับกระทรวงสาธารณสุขให้ปฏิบัติงานอย่างเต็มกำลังความสามารถ และให้ประชาชนทุกคนดูแลสุขภาพให้แข็งแรง หมั่นแสวงหาความรู้เกี่ยวกับโรคจากสื่อต่างๆ และสถานบริการสาธารณสุข

Back to top button