SET บ่ายยังอ่อนตัว-เสี่ยงปรับฐานระยะสั้นโบรกคัด 11 หุ้นร้อนน่าสอยระหว่างพักฐาน

โบรกฯคาดแนวโน้มการลงทุนช่วงบ่ายนี้ (9 ก.พ.) ยังคงจะผันผวน โดยมองกรอบวันนี้ แนวรับ 1,290 แนวต้าน 1,305 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบาง เนื่องจากเป็นวันหยุดของหลายตลาดในภูมิภาคช่วงเทศกาลตรุษจีน ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศยังทรงๆ กลยุทธ์การลงทุนระยะสั้นเก็งกำไรในลักษณะรอซื้อเมื่ออ่อนตัว แนะเลือกลงทุนหุ้นปันผลสูง และผลประกอบการออกมาดี เช่น INTUCH และ TKS


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน ตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ภาคเช้า (9 ก.พ.) ซึมเซาและอ่อนตัวลงตามแรงกดดันจากปัจจัยภายนอกประเทศ โดยเฉพาะความกังวลเศรษฐกิจโลก ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเบาบางส่วนหนึ่งเป็นวันหยุดของหลายตลาดในภูมิภาคช่วงเทศกาลตรุษจีน

ทั้งนี้ดัชนีปรับลงแรง กดดันให้ SET “พักฐาน” ลงมาเคลื่อนไหว ในกรอบ 1,292-1,300 จุด โดยยังคงมุมมองระยะกลางว่า SET มีโอกาสปรับขึ้นเหนือ 1,320 จุด และอาจปรับขึ้นต่อไปที่ 1,350 จุดภายในสิ้นเดือน เม.ย. แต่ระยะสั้นอาจเห็นการปรับฐานระหว่างทาง แนะเลือกลงทุนหุ้นปันผลสูง และผลประกอบการออกมาดี พร้อมคัด 11 หุ้น น่าเก็บช่วงดัชนีพักฐานให้เลือกลงทุน

 

น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ซึมเซาและอ่อนตัวลงตามแรงกดดันจากปัจจัยภายนอกประเทศ โดยเฉพาะกังวลความไม่แน่นอนเศรษฐกิจโลกเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ Sentiment การลงทุนยังเป็นลบ

สำหรับทิศทางช่วงบ่ายยังคงจะผันผวน โดยมองกรอบวันนี้ แนวรับ 1,290 แนวต้าน 1,305 จุด มูลค่าการซื้อขายเบาบาง เนื่องจากเป็นวันหยุดของหลายตลาดในภูมิภาคช่วงเทศกาลตรุษจีน ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศยังทรงๆ กลยุทธ์การลงทุนระยะสั้นเก็งกำไรในลักษณะรอซื้อเมื่ออ่อนตัว แนะเลือกลงทุนหุ้นปันผลสูง และผลประกอบการออกมาดี เช่น INTUCH และ TKS

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ ( 9 ก.พ.) ว่า การปรับลดลงของทรัพย์สินเสี่ยง ทั่วโลก ทั้งตลาดหุ้น Dow Jones และ Nikkei ที่ปรับลงแรง กดดันให้ SET “พักฐาน” ลงมาเคลื่อนไหว ในกรอบ 1,292-1,300 จุด โดยยังคงมุมมองระยะกลางว่า SET มีโอกาสปรับขึ้นเหนือ 1,320 จุด และอาจปรับขึ้นต่อไปที่ 1,350 จุดภายในสิ้นเดือน เม.ย. แต่ระยะสั้น อาจเห็นการปรับฐานระหว่างทาง

ดังนั้น หาก SET หลุด 1,290 จุดลงมา แนะนำเริ่มลดพอร์ตบางส่วนก่อน เพื่อซื้อคืนบริเวณ 1,250 – 1,260 จุด แนะนำเปลี่ยนกลุ่มเป็นหุ้น 2nd tier และ domestic play ระหว่างการพักฐาน

ธนาคารขนาดกลาง-เล็ก: คาดเม็ดเงินจากธนาคารขนาดใหญ่ที่ปรับฐานจะหมุนกลับเข้ามา ธนาคารกลาง-เล็ก ที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงระดับ แนะนำ “ซื้อ”KTB TISCO และ KKP

กลุ่มรับเหมาฯ: ราคาหุ้น Laggard ตลาดตั้งแต่ต้นปี แต่คาดระยะ 1-2 ไตรมาสข้างหน้า จะเริ่มเห็นการประมูลโครงการภาครัฐถี่ขึ้นกว่าช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา ทั้งรถไฟรางคู่ มอเตอร์เวย์ ขยายสนามบินสุวรรณภูมิ แนะนำ “ซื้อ” STEC CK UNIQ

กลุ่มโรงแรม: หลังจากพักฐานมาแล้ว 8-11% ในช่วงเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา เริ่มเห็นการรีบาวด์จากแนวรับทางเทคนิค ขณะที่คาดการณ์กำไร ไตรมาส 4/58-ไตรมาส 1/59 ออกมาดี โดย MINT มีกำไรจากการขาย Villa ที่ภูเก็ต ขณะที่ CENTEL ยัง laggard อยู่

กลุ่ม Micro Finance: “ซื้อ” GL การขยายธุรกิจในกัมพูชา เป็นปัจจัยหนุน Growth ต่อเนื่องในปี 59-60 ขณะที่ SAWAD MTLS ยังมีคาดการณ์กำไรเติบโตแกร่งเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน

 

สรุป 5 หลักทรัพย์ ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า

SCB มูลค่าการซื้อขาย 843.41 ล้านบาท ปิดที่ 130.00 บาท ลดลง 4.50 บาท

PTT มูลค่าการซื้อขาย 648.19 ล้านบาท ปิดที่ 235.00 บาท ลดลง 5.00 บาท

CPALL มูลค่าการซื้อขาย 577.57 ล้านบาท ปิดที่ 40.50 บาท ลดลง 0.50 บาท

ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 565.17 ล้านบาท ปิดที่ 164.50 บาท ลดลง 0.50 บาท

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 545.11 ล้านบาท ปิดที่ 165.00 บาท ลดลง 4.00 บาท

Back to top button