“สภาพัฒน์” หั่นเป้า GDP ปี 68 เหลือโต 1.3-2.3% ชี้รัฐต้องเร่งเบิกจ่าย

เลขาธิการสภาพัฒน์ ปรับลดคาดการณ์จีดีพีไทยปี 2568 เหลือโตเพียง 1.3-2.3% จากเดิม 2.3-3.3% โดยมีค่ากลางที่ 1.8% ชี้แรงกดดันจากการส่งออกผันผวน ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการค้าโลก ขณะที่เครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจไทยต้องพึ่งการบริโภคในประเทศและการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 พ.ค.68) นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยว่า ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจไทยปี 2568 เหลือในกรอบ 1.3-2.3% จากเดิมที่คาดไว้ 2.3-3.3% โดยมีค่ากลางอยู่ที่ 1.8% สะท้อนแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว การส่งออกที่ยังผันผวน และการเจรจาการค้าระหว่างประเทศที่ยังไม่มีข้อยุติ

นายดนุชา ระบุว่า สาเหตุที่ สศช. ปรับลดประมาณการ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือจีดีพี (GDP) ในระดับที่ต่ำกว่าสำนักอื่น ๆ เป็นเพราะพิจารณาจากตัวเลขประกอบและสถานการณ์การเจรจาในปัจจุบัน โดยค่ากลางที่ระดับ 1.8% ถือเป็นการประเมินที่สะท้อนความเป็นจริง เพื่อให้ภาคธุรกิจและประชาชนได้ตระหนักถึงความเปราะบางทางเศรษฐกิจ และเตรียมพร้อมรับมือ ไม่ใช่การมองแง่ร้ายจนเกินไป เพราะสำนักวิเคราะห์ต่างประเทศหลายแห่งก็ประเมินในระดับใกล้เคียงกัน และมีความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับประมาณการอีกครั้งตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง

ทั้งนี้ สศช. คาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ในช่วง 0.0–1.0% ส่วนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี ต้องอาศัยแรงหนุนจากการบริโภคภาคเอกชน และการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 3 และ 4 ของปี

อย่างไรก็ตาม ยังต้องจับตาทิศทางเศรษฐกิจของจีนที่มีแนวโน้มชะลอตัว ตลอดจนนโยบายการเงินของธนาคารกลางประเทศต่าง ๆ ซึ่งอาจส่งผลต่อความผันผวนในระบบการเงินและตลาดทุนโลกที่ยังไม่คลี่คลาย

สำหรับจีดีพีไตรมาส 1/2568 ขยายตัว 3.1% ต่อเนื่อง จากการขยายตัว 3.3% ในไตรมาส 4/2567 ปัจจัยหลักมาจากการผลิตภาคนอกเกษตรชะลอลง ขณะที่การผลิตภาคเกษตรเร่งขึ้น ด้านการใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคขั้นสุดท้ายของเอกชน การใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคขั้นสุดท้ายของรัฐบาล การนำเข้าสินค้าและบริการ และการสะสมทุนถาวรเบื้องต้นชะลอลง ขณะที่การส่งออกสินค้าและบริการขยายตัวเร่งขึ้น

ภาวะเศรษฐกิจไตรมาสที่ 1/2568 ฉบับเต็ม คลิกที่นี่

Back to top button