
“สภาพัฒน์” แรงงานไทยเผชิญ 4 ปัจจัยกดดัน จ้างงานหด เด็กจบใหม่เสี่ยงตกงานสูง
สภาพัฒน์ เผยเปิด 4 ปัจจัยกดดันตลาดแรงงานไทย ไตรมาสแรกปี 2568 “จ้างงานหด-SMEs ปิดกิจการ-เด็กจบใหม่เสี่ยงตกงาน-ผู้เสมือนว่างพุ่ง”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (9 มิ.ย.68) สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือ สภาพัฒน์ เปิดเผยรายงาน “ภาวะสังคมไทย ไตรมาสหนึ่ง ปี 2568” ชี้ 4 ปัจจัยกดดันตลาดแรงงานไทยอย่างต่อเนื่อง แม้อัตราว่างงานโดยรวมจะลดลง
- การจ้างงานหดตัวต่อเนื่อง
จำนวนผู้มีงานทำในไตรมาส 1/2568 อยู่ที่ 39.4 ล้านคน ลดลง 0.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการจ้างงานภาคเกษตรกรรม หดตัวลงต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 5 ติดต่อกัน เหลือ 10.6 ล้านคน ลดลง 3.1% ขณะที่ภาคนอกเกษตรปรับเพิ่มขึ้น ที่ 0.5% อยู่ที่ 28.8 ล้านคน
โดยการจ้างงานในภาคการผลิต ลดลง 0.4%, ค้าส่ง/ค้าปลีก ลดลง 3.1% และการก่อสร้าง ลดลงถึง 5.1% สะท้อนกำลังซื้อที่ยังไม่ฟื้นเต็มที่ สาขาที่ขยายตัวได้ดี ได้แก่ โรงแรม/ภัตตาคาร เพิ่มขึ้น 3.5% และ การขนส่ง/เก็บสินค้า 4.5%
- SMEs ปิดกิจการกระทบแรงงานกว่า 35,000 คน
รายงานยังอ้างอิงข้อมูลจากธนาคารโลก (Thailand Economic Monitor ก.พ. 2568) ว่า ธุรกิจ SMEs ไทยยังใช้นวัตกรรมในการผลิตเพียง 11.9% ซึ่งต่ำกว่าฟิลิปปินส์ (40.9%) เวียดนาม (37.9%) และมาเลเซีย (37.3%) ทำให้ในปี 2567 มีธุรกิจขนาดกลางและเล็กเลิกกิจการ เกือบ 24,000 แห่ง และโรงงานอีกกว่า 1,234 แห่ง โดยส่วนใหญ่เป็นโรงงานในภาคการผลิต ส่งผลกระทบกับแรงงานกว่า 35,000 คน
“โรงงานที่เลิกกิจการส่วนใหญ่เป็นโรงงานในภาคการผลิตที่มีปัญหาด้านความสามารถในการแข่งขัน ดังนั้นจึงควรส่งเสริมให้ SMEs ไทยสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน เพื่อเพิ่มโอกาสในการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ในการยกระดับกระบวนการผลิต ลดต้นทุน และรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาดที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ปัจจุบัน SMEs รองรับแรงงานกว่า 12.9 ล้านคน ซึ่งหากสามารถรักษาความสามารถในการแข่งขันไว้ได้ จะส่งผลดีต่อสถานะการจ้างงานและรายได้ของแรงงานด้วย”
- เด็กจบใหม่ยังเสี่ยงตกงานสูง
แม้ภาพรวมการว่างงานลดลงเหลือ 0.88% หรือราว 3.6 แสนคน แต่กลุ่มบัณฑิต จบใหม่ยังเผชิญความเสี่ยงสูงสุด โดยกลุ่มที่จบการศึกษาระดับอุดมศึกษา มีอัตราการว่างงานถึง 1.84% สูงที่สุดในกลุ่มการศึกษา และผู้ว่างงานระยะยาว 6.8 หมื่นคน ราว 70% อยู่ในช่วงอายุ 20-29 ปี โดยเกือบ 74.3% ไม่เคยมีประสบการณ์ทำงาน
ผลสำรวจผู้บริหารด้านทรัพยากรบุคคล ในสหรัฐอเมริกา ของ Hult International Business School พบว่า นายจ้างกว่า 89% มีแนวโน้มที่จะเลี่ยงการจ้างงานบัณฑิตจบใหม่ ซึ่งมากกว่าครึ่งมองว่า เด็กจบใหม่ ยังขาดประสบการณ์ในโลกแห่งความเป็นจริง 60% ไม่มีทักษะที่เหมาะสม 51% ขาดทักษะการทำงานเป็นทีม 55% ยังมีมารยาททางธุรกิจที่ไม่ดีนัก 50%
สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย(TDRI) วิเคราะห์ว่า ประกาศรับสมัครงานออนไลน์ มีเพียง 22.3% ที่ไม่ต้องการประสบการณ์การทำงาน สะท้อนให้เห็นว่าผู้ประกอบการให้ความสำคัญกับการมีทักษะและความเข้าใจในการทำงานจริง
- ผู้เสมือนว่างงานพุ่ง 14.6%
ขณะผู้ว่างงานลดลง แต่ผู้เสมือนว่างงานกลับเพิ่มขึ้นแรง โดยมีจำนวน 4.3 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้น 14.6% จากปีก่อน กลุ่มนี้หมายถึงผู้ที่ทำงานน้อยกว่า 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ในภาคเกษตรกรรม และน้อยกว่า 24 ชั่วโมงในภาคอื่น ๆ แม้มีสถานะ “มีงานทำ” แต่ถือว่ามีรายได้ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ สะท้อนถึงปัญหาการจ้างงานไม่เต็มที่ที่ยังถูกมองข้ามในนโยบายแรงงาน
สภาพัฒน์ แนะนำว่า แรงงานจบใหม่ควรเตรียมความพร้อมให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ทั้งในด้านทักษะจำเป็นและทัศนคติต่อโลกการทำงาน ขณะเดียวกัน ภาคการศึกษาควรเร่งปรับหลักสูตร–ส่งเสริมการฝึกงาน เพื่อช่วยให้นักศึกษามีประสบการณ์จริงก่อนเข้าสู่ตลาดงาน