“กอบศักดิ์” เตือน SMEs–ส่งออกไทย รับมือคลื่นใหม่ แม้ภาษีทรัมป์ลดเหลือ 19%

ประธาน FETCO เตือน แม้ไทยได้ลดภาษีศุลกากรสหรัฐฯ เหลือ 19% แต่คลื่นความท้าทายจากนโยบายการค้าทรัมป์ยังถาโถมไม่หยุด แนะผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs และภาคส่งออก เตรียมรับมือแรงกระแทก


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (4 ส.ค.68) ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊ก “Dr.KOB” ถึงความเคลื่อนไหวล่าสุดกรณีรัฐบาลไทยสามารถเจรจาให้สหรัฐฯ ปรับลดอัตราภาษีศุลกากรแบบต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) จาก 36% เหลือ 19% ซึ่งจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป

ดร.กอบศักดิ์ ระบุว่า แม้อัตราภาษี 19% จะช่วยลดความเสียเปรียบทางการแข่งขันของไทยในเวทีการค้าระหว่างประเทศ แต่เส้นทางข้างหน้ายังเต็มไปด้วยความท้าทายหลายประการ โดยเฉพาะท่าทีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งยังคงเดินหน้านโยบายการค้ารูปแบบใหม่อย่างต่อเนื่อง ทั้งการจัดเก็บภาษีต่อกลุ่มประเทศ BRICS การเก็บภาษีเฉพาะอุตสาหกรรม การควบคุม Transshipment ตลอดจนนโยบายทางภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) ที่มีความเข้มข้นมากขึ้น

President Trump ยังไม่จบแค่นี้ Tariffs สำหรับ BRICS Tariffs สำหรับรายอุตสาหกรรม Tariffs สำหรับ Transshipment ตลอดจน Geopolitics ที่กำลังเข้มข้นขึ้น นโยบายอื่น ๆ ของ President Trump ที่สรรค์สร้างรายวัน นำมาซึ่งการปรับตัวของประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะผู้ประกอบการจีน ที่กำลังเบนเข็มมาที่อาเซียน (ASEAN) และไทย” ประธาน FETCO ระบุในโพสต์ดังกล่าว

ทั้งนี้ ดร.กอบศักดิ์ ย้ำว่า ปัจจัยทั้งหมดดังกล่าว จะเป็น “คลื่นยักษ์” ที่ถาโถมเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป โดยเฉพาะภาคการส่งออก ภาคธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ตลอดจนประชาชนไทยในวงกว้าง “อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”

ด้าน รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ และผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ (DEIIT) ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า การเร่งนำเข้าสินค้าจากไทยในช่วงครึ่งปีแรก (5-6 เดือน) และผลจากอัตราภาษีใหม่ของสหรัฐฯ อาจทำให้การส่งออกในช่วงที่เหลือของปีชะลอตัวลงแต่ไม่ติดลบ โดยคาดการณ์ว่า ทั้งปียังขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 5%

รศ.ดร.อนุสรณ์ ระบุอีกว่า การเก็บภาษีตอบโต้ทางการค้าของสหรัฐฯ ในอัตราใกล้เคียงกัน โดยเฉพาะประเทศในอาเซียน ทำให้ “ภาษี” ไม่ใช่ปัจจัยหลักในการตัดสินใจย้ายฐานการผลิตของบรรษัทข้ามชาติอีกต่อไป โดยปัจจัยสำคัญกลับเป็น ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศ ความมีเสถียรภาพทางการเมือง และนโยบายส่งเสริมการลงทุนที่คงเส้นคงวา

ขณะเดียวกัน ภาษี Transshipment ในอัตรา 40% ของสหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อสินค้าส่งออกจากจีนโดยตรง และจะทำให้สินค้าประเภท Re-export ในไทยมีแนวโน้มลดลง อย่างไรก็ตาม ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยโดยรวมยังอยู่ในวงจำกัด เนื่องจากสินค้าเหล่านี้มีผลต่อมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจน้อยมาก

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :

ภาษีทรัมป์ 19% ไทยเกาะกลุ่มอาเซียน เอกชนชื่นชมดีล ชี้สู้การค้าได้-ดึงดูดเงินลงทุน

Back to top button