
“วรภัค” ชี้เฟดลดดอกเบี้ยกดดัน “บาทแข็งค่า” เร่ง ธปท. ใช้เครื่องมือสกัดเงินร้อน
“วรภัค ธันยาวงษ์” ว่าที่รมช.คลัง วิเคราะห์ผลเฟดลดดอกเบี้ย 0.25% ครั้งแรกปี 68 ส่งผลส่วนต่างดอกเบี้ยไทย–สหรัฐฯ แคบลง ดึงดูดเงินทุนต่างชาติไหลเข้า เสี่ยงเงินบาทแข็งค่าเกินดุล แนะ “ธปท.” ใช้เครื่องมือดูแล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (18 ก.ย.68) นายวรภัค ธันยาวงษ์ ว่าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “Vorapak Tanyawong” แสดงความคิดเห็นต่อกรณีธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งแรกของปี 2568 ลง 0.25% โดยมีปัจจัยหลักจากตลาดแรงงานสหรัฐฯ อ่อนแรง
นายวรภัค ระบุว่า การลดดอกเบี้ยดอลลาร์รอบนี้ และสัญญาณว่าจะมีการปรับลดอีก 2 ครั้งภายในปีนี้ จะทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (interest rate differential) ระหว่างไทยกับสหรัฐฯ แคบลง นักลงทุนต่างชาติอาจมองหาผลตอบแทนในตลาดเกิดใหม่มากขึ้น โดยเฉพาะในพันธบัตรไทยและตลาดทุนภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สำหรับค่าเงินบาท มีแนวโน้มแข็งค่าจากกระแสเงินทุนไหลเข้า ทั้งในพันธบัตรและตลาดหุ้น อย่างไรก็ดี หากเฟดลดดอกเบี้ยต่อเนื่อง ขณะที่เงินเฟ้อสหรัฐยังทรงตัวเหนือ 2% ค่าเงินดอลลาร์อาจมีความผันผวนสูงขึ้น ส่งผลให้เงินบาทเหวี่ยงแรงได้ทั้งแข็งและอ่อนตามภาวะ risk-on/risk-off
นายวรภัค ย้ำว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จำเป็นต้องพิจารณาการใช้ smoothing operations อย่างรอบคอบ เพื่อไม่ให้เงินบาทแข็งค่าจนกระทบผู้ส่งออกและการท่องเที่ยว พร้อมทิ้งท้ายว่า “สรุป การลดดอกเบี้ยครั้งนี้ของเฟดคือ “มาตามนัด” แต่สิ่งที่ไทยต้องจับตาคือ เงินร้อน ที่อาจไหลเข้ามาเร็วกว่าที่คิด และทำให้ค่าเงินบาทแข็งจนเกินดุล”
โพสต์ฉบับเต็ม คลิกที่นี่

