อัปเดตล่าสุด! “คนละครึ่ง 2568” ใครมีสิทธิ์ – ได้เท่าไร เช็กเลย

ความชัดเจนของ “คนละครึ่ง 2568” เริ่มเป็นรูปธรรมมากขึ้น ทั้งเงื่อนไขกลุ่มผู้มีสิทธิ์ สิทธิพิเศษสำหรับผู้เสียภาษี รวมถึงข้อเสนอเพิ่มวงเงินใช้จ่ายรายวัน เตรียมขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นที่ทุกฝ่ายจับตา


โครงการ “คนละครึ่ง 2568” ภายใต้รัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กำลังถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด หลังเจ้าตัวประกาศชัดอีกครั้ง ระหว่างลงพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2568 ว่า จะเดินหน้าฟื้นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจนี้และยืนยันว่า รัฐบาลเตรียมนำโครงการกลับมาใช้อีกครั้งภายใน 1 เดือน หลังเข้าบริหารประเทศ

“ภายใน 1 เดือน โครงการจะถึงมือประชาชนแน่นอน”

คาดว่าเร็วที่สุด กลางเดือนตุลาคม หรือช้าที่สุด ต้นเดือนพฤศจิกายน คนไทยจะได้ใช้ “คนละครึ่ง เวอร์ชัน 2.0”

เงื่อนไข “คนละครึ่งพลัส”

นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยแนวทางเบื้องต้นว่า โครงการคนละครึ่งรอบใหม่จะครอบคลุม ประชาชนทุกคน โดยแบ่งสิทธิออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ได้แก่

  • ผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา รัฐช่วยจ่าย 60% ประชาชนจ่ายเอง 40% (รูปแบบ 60:40) คาดว่ามีผู้ได้สิทธิราว 11 ล้านคน
  • ประชาชนทั่วไปและผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รัฐช่วยจ่าย 50% ประชาชนจ่าย 50% ตามโมเดลเดิมในช่วงเกิดสถานการณ์โควิด-19

ทั้งนี้ ผู้ที่อยู่ในระบบภาษีจะได้รับสิทธิประโยชน์มากกว่า แม้จะไม่ได้เสียภาษีจริงก็ตาม โดยเงื่อนไขการใช้จ่ายใกล้เคียงโครงการเดิม แต่อาจมีลูกเล่นใหม่ ๆ เพิ่มเข้ามา

สิทธิพิเศษเพิ่มเติม

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เผยว่า มีการพิจารณา top up ให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เช่น จากสิทธิ 300 บาท รัฐบาลจะเติมให้อีก 700 บาท รวมเป็น 1,000 บาท เพื่อไม่ให้น้อยกว่าประชาชนทั่วไป

ขณะเดียวกัน กลุ่มผู้เสียภาษีอาจได้รับสิทธิสูงถึง 1,200 บาทต่อคน แทน 1,000 บาท โดยอยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียดทางเทคนิค

นอกจากนี้ ภาคเอกชน ยังเสนอให้เพิ่มเพดานใช้จ่ายจาก 150 บาทต่อวัน เป็น 200 บาทต่อวัน โดยผู้ที่เคยใช้สิทธิผ่านแอปฯ จะไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ ส่วนผู้ที่ยังไม่เคยเข้าร่วมต้องลงทะเบียน และยังมีระบบออฟไลน์รองรับสำหรับผู้ไม่มีสมาร์ทโฟน

แม้โครงการ “คนละครึ่ง 2568” ยังต้องรอประกาศรายละเอียดอย่างเป็นทางการ แต่สัญญาณชัดแล้วว่า รัฐบาลอนุทินจะเดินหน้าแน่นอน และคาดว่าจะเป็นมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อสำคัญในระยะสั้น หากมีความคืบหน้าเพิ่มเติมจะนำเสนอให้ทราบต่อไป

Back to top button