
“เอกนิติ” ชี้ผลสอบ “เงินปริศนา” ไหลเข้าไทย ยันทองคำไม่ใช่เหตุบาทแข็ง
รองนายกฯ–รมว.คลัง เผยตั้งคณะทำงานสอบกระแสเงินปริศนาไหลเข้าไทย หลังค่าเงินบาทแข็งผิดปกติ มี “ปลัดคลัง” นั่งหัวโต๊ะ ร่วมทีม ธปท.–ปปง.–ก.ล.ต.–ศุลกากร คาดได้ข้อสรุปภายใน 1 เดือน ย้ำทองคำไม่ใช่สาเหตุหลัก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (7 ต.ค.68) นายเอกนิติ นิติทัณฑประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยในรายการ เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ถึงความคืบหน้าการตรวจสอบเงินปริศนาไหลเข้าไทย ซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตอาจมีส่วนทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าผิดปกติ ว่า กระทรวงการคลังได้ตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจขึ้น โดยมีนายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธาน และมีหน่วยงานหลักเข้าร่วม ได้แก่ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.), กรมศุลกากร, สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
นายเอกนิติ กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า การส่งออกทองคำไม่ใช่สาเหตุหลักของการแข็งค่าของเงินบาท แม้ตัวเลขดังกล่าวจะมีมูลค่าสูงและถูกตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นปัจจัยหนุนค่าเงินในช่วงที่ผ่านมา แต่เมื่อพิจารณาในเชิงมูลค่าการค้าระหว่างประเทศและการชำระเงินที่แปลงกลับเป็นดอลลาร์แล้ว ยังไม่มากพอที่จะทำให้เงินบาทแข็งค่าผิดปกติได้
“ที่พูดถึงการส่งออกทองคำว่าเป็นสาเหตุบาทแข็ง พอเราไปดูแล้วมันไม่ใช่ เอาละ มันอาจจะมีปัญหาที่บอกว่าไปกัมพูชา 60,000–70,000 ล้าน แต่ถ้าคิดเป็นดอลลาร์แล้ว แค่ 2 พันล้านเอง เมื่อน้อยมากเมื่อเทียบกับธุรกรรมระหว่างประเทศ” นายเอกนิติ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของสาเหตุที่แท้จริง ยังต้องใช้เวลาในการเชื่อมโยงข้อมูลจากหลายแหล่ง (connect the dots) เพื่อระบุที่มาของเงินไหลเข้าอย่างชัดเจน โดยเฉพาะธุรกรรมของผู้ประกอบการแลกเปลี่ยนเงินตรา (money changer) ที่อาจถือเงินหลบเข้ามา ซึ่งเป็นหลายส่วนที่ต้องเชื่อมโยง
รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ ระบุว่า ภายในประมาณหนึ่งเดือน คณะทำงานจะต้องได้ข้อสรุปที่ชัดเจน เนื่องจากหากปล่อยให้สถานการณ์นี้ดำเนินต่อไป อาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพค่าเงินบาทและสร้างความผันผวนในอนาคตได้ แม้ขณะนี้ค่าเงินบาทจะกลับมาอ่อนตัวลงตามเทรนด์ของดอลลาร์
ทั้งนี้ นายเอกนิติ ขอสงวนความเห็นในประเด็นเงินเทา โดยระบุว่าจะขอรอผลสรุปจากคณะทำงาน ซึ่งสัปดาห์หน้าจะนำเรื่องนี้รายงานต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐกิจ