
ครม. ไฟเขียวแพ็กเกจ “เที่ยวดี มีคืน” หนุนท่องเที่ยวปลายปี คาดดัน GDP เพิ่ม 0.04%
ปลัดคลัง ชี้แจงแพ็กเกจ “เที่ยวดี มีคืน” รวม 5 มาตรการย่อย ทั้งภาษีบุคคล–นิติบุคคล–ภาครัฐ–โรงแรม–บันเทิง หวังกระตุ้นการใช้จ่ายช่วงปลายปี หลัง ครม. เห็นชอบมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า วันนี้ (21 ต.ค.68) นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยนายวินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) แถลงเปิดมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ ภายใต้ชื่อแพ็กเกจ “เที่ยวดี มีคืน” ซึ่งเป็น มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว รวม 5 มาตรการย่อย เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายและฟื้นบรรยากาศท่องเที่ยวในช่วงปลายปี ดังนี้
1. มาตรการภาษีสำหรับบุคคลธรรมดา สนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศด้วยสิทธิ ลดหย่อนภาษีรวม 20,000 บาท แบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ 10,000 บาทแรก ใช้ใบกำกับภาษีแบบกระดาษหรือ e-Tax Invoice อีก 10,000 บาท ใช้เฉพาะ e-Tax Invoice เท่านั้น
หากเดินทางท่องเที่ยวใน เมืองรอง 55 จังหวัด และ 15 อำเภอของเมืองหลัก เช่น อำเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่ จะได้รับสิทธิหักลดหย่อนได้ 1.5 เท่า ของจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 30,000 บาท ส่วนพื้นที่เมืองหลัก หักลดหย่อนได้ 1 เท่า ของจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 20,000 บาท เริ่มใช้สิทธิตั้งแต่ 29 ตุลาคม – 15 ธันวาคม 2568 พร้อมกับโครงการ “คนละครึ่งพลัส”
2. มาตรการภาษีสำหรับนิติบุคคล สนับสนุนการจัด อบรม สัมมนา ภายในประเทศ สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล โดยสามารถนำค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง เช่น ค่าห้องสัมมนา ค่าห้องพัก ค่าขนส่ง และรายจ่ายอื่น ๆ ที่มี e-Tax Invoice มาหักเป็นรายจ่ายได้ สำหรับเมืองรอง หักได้ 2 เท่า ส่วนเมืองหลัก 1.5 เท่า ทั้งนี้ ค่าขนส่งไม่จำเป็นต้องมีใบกำกับภาษี แต่ต้องมี e-Receipt แทน ใช้สิทธิตั้งแต่ 29 ตุลาคม – 15 ธันวาคม 2568 เช่นเดียวกับมาตรการบุคคลธรรมดา
3. มาตรการเร่งรัดเบิกจ่ายงบอบรมสัมมนาภาครัฐ (Front Load) กระตุ้นการใช้จ่ายงบประมาณฝึกอบรม ประชุม สัมมนาของหน่วยงานภาครัฐ ระหว่าง ตุลาคม – 31 มกราคม 2569 โดยกำหนดให้ผู้บริหารระดับสูงของแต่ละหน่วยงานต้องเบิกจ่ายได้ไม่น้อยกว่า 60% ภายในช่วงดังกล่าว นายลวรณ ระบุว่า มาตรการนี้ไม่ใช่เม็ดเงินใหม่ แต่เป็นการเร่งใช้งบในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอ จากเดิมที่เบิกได้เพียง 10–20% ในไตรมาสแรก
4. มาตรการภาษีปรับปรุงโรงแรมและที่พัก เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการหักรายจ่ายจากการ ต่อเติม ปรับปรุง หรือขยายทรัพย์สินที่เกี่ยวกับกิจการโรงแรม ได้ 2 เท่า โดยหนึ่งเท่าแรกเป็นค่าเสื่อมราคาตามปกติ อีกหนึ่งเท่าทยอยหักได้ภายใน 20 รอบบัญชี เท่ากันทุกปี มาตรการนี้เริ่มตั้งแต่ 29 ตุลาคม 2568 – 31 มีนาคม 2569 ขณะนี้อยู่ระหว่างเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อจัดเตรียมแหล่งเงินรองรับ คาดว่ามีผู้ประกอบการเข้าร่วมราว 1,200 ราย มูลค่าการลงทุนรวม 24,000 ล้านบาท
5. มาตรการลดภาษีสรรพสามิตธุรกิจบันเทิง ขยายเวลาลดอัตราภาษีสรรพสามิตจาก 10% เหลือ 5% สำหรับกิจการบันเทิงและกิจการหย่อนใจ ตั้งแต่ 1 มกราคม – 31 ธันวาคม 2569 เพื่อลดภาระภาษีของผู้ประกอบการในภาคบริการ
นายลวรณ กล่าวว่า มาตรการทั้ง 5 ข้อจะช่วยเสริมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมาก่อนหน้านี้ และสร้างบรรยากาศการท่องเที่ยวภายในประเทศให้คึกคักขึ้นในช่วงปลายปี
“มันเกี่ยวข้องกับบรรยากาศมากกว่า เราเห็นสัญญาณการท่องเที่ยวอ่อนลง จึงเติมเต็มให้กลับไปอยู่ที่เดิม ถ้าดีกว่านั้น โตขึ้นนิดหน่อยก็ดีกว่าลบ 2.7% แต่อิมแพ็กไม่แรงเท่าคนละครึ่งพลัสหรือบัตรสวัสดิการ” นายลวรณ กล่าว
ด้านนายวินิจ กล่าวเสริมว่า ผลของมาตรการนี้จะกระตุ้น GDP ราว 0.04% และหากรวมผลจากมาตรการ “คนละครึ่ง พลัส” และ “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” รวมเม็ดเงิน 110,000 ล้านบาท จะส่งผลต่อ GDP รวมประมาณ 0.44%
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มาตรการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของ “5 เสาเศรษฐกิจ” ภายใต้นโยบายของนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งจะทยอยออกเพิ่มเติม เพื่อเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจปลายปี คาดว่ารวมมาตรการทั้งหมดจะช่วยดัน GDP ไตรมาส 4 ปีนี้เพิ่มขึ้นราว 1%
สำหรับมาตรการที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบในวันนี้ แม้รัฐบาลจะสูญเสียรายได้ราว 5,000 ล้านบาท แต่ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในการรักษาเสถียรภาพและการเติบโตของเศรษฐกิจโดยรวม
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ครม.เศรษฐกิจ ไฟเขียว 3 มาตรการฟื้นท่องเที่ยว ลดหย่อนภาษีสูงสุด 2 หมื่นบาท