อัปเดต “คนละครึ่งพลัส” วันแรกสะพัดเกือบ 2 พันล้าน “เอกนิติ” คอนเฟิร์มเฟส 2 พร้อม!

รัฐบาลสรุปยอดใช้สิทธิ “คนละครึ่งพลัส” วันแรกแตะ 1.9 พันล้านบาท ประชาชนใช้สิทธิกว่า 1.6 ล้านคน ร้านค้าเข้าร่วม 6 แสนราย เตือนห้ามใช้สิทธิผิด–ซื้อหวยมีโทษอาญา รองนายกฯ “เอกนิติ” มั่นใจหนุนเศรษฐกิจ Q4 โตเกิน 0.3% เตรียมเฟส 2 รองรับกลุ่มตกหล่น


ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า วันนี้ (30 ต.ค.68) นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวขอบคุณประชาชนและผู้ประกอบการทั่วประเทศที่ให้การสนับสนุนโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” หลังเปิดให้ใช้สิทธิวันแรกเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2568 พร้อมย้ำว่า ร้านค้ายังสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้จนถึงวันที่ 19 ธันวาคม 2568 เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการรายย่อยมีส่วนร่วมกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากอย่างทั่วถึง

ทั้งนี้ สำหรับประชาชนที่ตกหล่นจากการลงทะเบียน นายเอกนิติ ระบุว่า ไม่ต้องกังวล เนื่องจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้มอบหมายให้เตรียมดำเนินการ “เฟส 2” เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ที่พลาดสิทธิในรอบแรกได้เข้าร่วม

รองนายกฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงการคลังมั่นใจว่า โครงการ “คนละครึ่ง พลัส” จะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อและเพิ่มเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจช่วงปลายปีได้ตามเป้าหมายของรัฐบาล โดยประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4/2568 จะขยายตัวได้ดีกว่าคาด จากเดิมที่ประเมินอาจโตเพียง 0.3% แต่ขณะนี้เชื่อมั่นว่าจะเติบโตได้ มากกว่า 0.3% อย่างแน่นอน

ด้านนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมว่า จากข้อมูลการใช้สิทธิเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2568 มียอดการใช้จ่ายรวมทั้งสิ้นกว่า 1,900 ล้านบาท โดยแบ่งตามประเภทร้านค้า ได้แก่ ร้านธงฟ้า 709 ล้านบาท, ร้านอาหารและเครื่องดื่ม 697 ล้านบาท, ร้านทั่วไปและอื่น ๆ 474 ล้านบาท, ร้านค้าบริการ 10 ล้านบาท, ร้านโอท็อป (OTOP) 8 ล้านบาท และกิจการขนส่งมวลชนสาธารณะ 3 ล้านบาท

นายสิริพงศ์ กล่าวต่อว่า สำหรับจังหวัดที่มียอดใช้จ่ายสูงสุด 10 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ชลบุรี นครราชสีมา สมุทรปราการ ปทุมธานี นนทบุรี สงขลา นครศรีธรรมราช เชียงใหม่ และขอนแก่น

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้เชิญชวนร้านค้าและผู้ประกอบการที่ยังไม่เข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง พลัส” ให้เร่งลงทะเบียน โดยไม่ต้องกังวลเรื่องขั้นตอนหรือการยืนยันตัวตน พร้อมสั่งการให้กระทรวงมหาดไทย ดำเนินการเชิงรุก ลงพื้นที่สำรวจและอำนวยความสะดวกเพื่อให้ร้านค้าเข้าร่วมได้ทั่วถึง เพิ่มช่องทางให้ประชาชนเลือกใช้จ่ายมากยิ่งขึ้น

นายสิริพงศ์ ย้ำว่า ข้อมูลยอดขายของร้านค้าในโครงการจะไม่ถูกส่งให้กรมสรรพากร ขอให้ผู้ประกอบการอย่าหลงเชื่อข่าวปลอม พร้อมยืนยันว่าร้านค้ายังสามารถสมัครเข้าร่วมโครงการได้ถึงวันที่ 19 ธันวาคม 2568

ขณะที่นางสาวอัยรินทร์ พันธุ์ฤทธิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเสริมว่า เพื่อป้องกันการใช้สิทธิผิดวัตถุประสงค์ โครงการ “คนละครึ่ง พลัส” ได้กำหนด สินค้าและบริการต้องห้าม ไว้อย่างชัดเจน หากร้านค้าหรือผู้ใช้สิทธิฝ่าฝืน อาจถูกระงับสิทธิได้ทันที โดยสินค้ากลุ่มดังกล่าวประกอบด้วย สลากกินแบ่งรัฐบาล เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผลิตภัณฑ์ยาสูบ บัตรกำนัล บัตรเงินสด และการชำระค่าสินค้าหรือบริการล่วงหน้า

นอกจากนี้ ห้ามผู้ประกอบการรับหรือเรียกรับ ทอนเป็นเงินสด หรือให้ประโยชน์ในรูปแบบอื่นใดจากการขายอาหารและเครื่องดื่มผ่านบริการ Food Delivery รวมทั้ง ห้ามกระทำการใด ๆ ที่อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดต่อมาตรการ หรือสร้างอุปสรรคต่อการดำเนินโครงการของรัฐ

รองโฆษกรัฐบาล เตือนว่า ผู้ที่นำสิทธิ “คนละครึ่ง พลัส” ไปขายต่อ หรือร้านค้าที่ร่วมมือกับผู้ได้รับสิทธิโดยไม่มีการซื้อขายสินค้าจริง ถือว่ามีความผิดฐาน “ฉ้อโกง” ตามมาตรา 341 และ 342 แห่งประมวลกฎหมายอาญา มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พร้อมถูก ระงับสิทธิไม่ให้เข้าร่วมโครงการอื่นของรัฐบาล และต้องคืนเงินที่ได้รับโดยมิชอบให้แก่รัฐ

Back to top button