เที่ยงนี้ “คลัง–ก.ล.ต.” ตั้งโต๊ะแจง “TISA” คาดเปิดทางลงทุนหุ้นรายตัว

กระทรวงการคลัง–ก.ล.ต. เตรียมแถลงรายละเอียดมาตรการเพิ่มการออม “TISA” พร้อมเผยแนวทางเปิดสิทธิภาษีสำหรับการลงทุนหุ้นรายตัว คาดเริ่มใช้จริง ก.ค.–ธ.ค. ปีหน้า


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง ระบุว่า เวลา 12:00 น. ของวันนี้ (11 ธ.ค. 68) นายเบญจรงค์ สุวรรณคีรี ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยนายวินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และนางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จะแถลงข่าวให้ข้อมูลภาพรวมและรายละเอียดเชิงเทคนิคของมาตรการเพิ่มการออมของประชาชน

มาตรการดังกล่าวเป็นหนึ่งในชุดมาตรการภายใต้ Quick Big Win เสาที่ 4 “การเพิ่มโอกาสการออมและความมั่นคงทางการเงินของประชาชน” ซึ่งกระทรวงการคลังได้เสนอและได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) เมื่อวันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยประกอบด้วย 4 มาตรการสำคัญ ได้แก่

1. โครงการบัญชีการออมการลงทุนส่วนบุคคล (TISA)ยกระดับระบบการออมและการลงทุนระยะยาว ผ่านกรอบสิทธิประโยชน์รูปแบบใหม่ และบัญชีออม–ลงทุนยุคใหม่ เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนออมอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงเปิดทางเลือกด้านการออมที่หลากหลายมากขึ้น

โครงการ TISA ถูกออกแบบให้สอดรับกับผู้เริ่มต้นทำงานและกลุ่มมนุษย์เงินเดือน สามารถเลือกลงทุนได้ตามระดับความเสี่ยง เช่น กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) กองทุนรวมเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG) กองทุนรวมใหม่ที่ผ่านการพิจารณาจากสำนักงาน ก.ล.ต. และกระทรวงการคลัง รวมถึง “การลงทุนหุ้นรายตัว” ซึ่งจะเปิดให้ใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีได้เมื่อซื้อผ่านบัญชี TISA

ผู้ลงทุนสามารถรวมยอดลงทุนทุกประเภทเพื่อนำมาลดหย่อนภาษีตามกรอบวงเงินรวมที่รัฐบาลกำหนด หรือสูงสุดไม่เกิน 800,000 บาทต่อปี

อัตราสิทธิประโยชน์ภาษี

– รายได้ไม่เกิน 1.5 ล้านบาท/ปี ลดหย่อนได้ 1.3 เท่า

– รายได้เกิน 1.5 ล้านบาท/ปี ลดหย่อนได้ 0.7 เท่า

อีกทั้งภาครัฐยังให้สิทธิ ยกเว้นภาษี ณ ที่จ่ายดอกเบี้ยและเงินปันผล 200,000 บาทแรก สำหรับเงินได้จากการลงทุนในบัญชี TISA

สำหรับการลงทุนหุ้นรายตัว แหล่งข่าวระบุว่า อยู่ระหว่างการจัดทำหลักเกณฑ์ โดยต้องซื้อผ่านบัญชี TISA และจะกำหนดช่วงเวลาการลงทุนชัดเจน คาดว่าจะเริ่มใช้ได้ตั้งแต่ วันที่ 1 กรกฎาคม ธันวาคม 2569 เพื่อให้ผู้ให้บริการพัฒนาระบบรองรับ โดยอาจได้รับสิทธิหักลดหย่อนภาษีในอัตรา 1.2 เท่า

  1. พันธบัตรรัฐบาล ออมพลัสเป็นการเพิ่มช่องทางการเข้าถึงการออมที่มั่นคง ผ่านพันธบัตรรัฐบาลความเสี่ยงต่ำ ซึ่งจะออกจำหน่ายต่อเนื่องเดือนละ1 ครั้ง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการออมระยะยาว
  2. มาตรการยกเว้นอากรแสตมป์สำหรับกรมธรรม์ไมโครอินชัวรันส์ช่วยให้ประชาชนรายได้น้อยเข้าถึงประกันภัยพื้นฐาน ด้วยเบี้ยประกันไม่สูง เงื่อนไขไม่ซับซ้อน พร้อมลดต้นทุนด้วยการยกเว้นอากรแสตมป์สำหรับกรมธรรม์รายย่อย
  3. ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตแบบบำนาญชนิดรับเงินก้อน (Lump-Sum Annuity)ส่งเสริมการทำประกันชีวิตแบบบำนาญ โดยเปิดทางเลือกให้ผู้เอาประกันสามารถเลือกรับผลประโยชน์เป็นเงินก้อนเมื่อเริ่มรับบำนาญงวดแรก เพื่อสนับสนุนการเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่วัยเกษียณ

Back to top button