กูรูเพิ่มเป้า TASCO ฟันระยะยาวสดใสมีหลายปัจจัยบวกหนุนกำไรครึ่งปีหลัง

ธุรกิจยางมะตอยช่วงหลายปีข้างหน้าสดใสอย่างมาก จากปัจจัยหนุนทั้งเรื่องต้นทุนน้ำมันดิบที่ลดลง และ Demand ที่เพิ่มขึ้น โดยการตั้งเป้าหมายของ TASCO ที่จะเป็นบริษัทยางมะตอยในระดับโลก จะทำให้เห็นพัฒนาการเชิงบวกเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง


บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (19 ส.ค.) ว่า แนวโน้มผลประกอบการช่วงครึ่งปีหลังของบริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TASCO ยังคงสดใสอย่างมาก ปัจจัยหลักมาจากส่วนต่างราคาระหว่างยางมะตอยและน้ำมันดิบที่ทรงตัวในระดับสูง ขณะที่ความต้องการใช้ยางมะตอยทั้งจากตลาดในประเทศและตลาดส่งออกจะมีมากขึ้นตามฤดูกาล โดยตลาดในประเทศจะได้รับผลบวกเต็มที่จากเงินงบประมาณพิเศษที่รัฐบาลจัดสรรให้กับกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบทเพื่อใช้ในการซ่อมสร้างถนนทั่วประเทศจำนวน 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งได้เริ่มเบิกจ่ายมาตั้งแต่เดือน ส.ค. ต่อเนื่องไปจนถึงช่วงสิ้นปี 2558

ขณะที่ตลาดส่งออกจะเห็นการเติบโตอย่างมากในตลาดอินโดนีเซียและเวียดนาม บวกกับคำสั่งซื้อ Bitumen Mixture จากจีนที่ยังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จึงคาดว่าช่วงครึ่งปีหลังของปี 58 TASCO จะมีปริมาณการขายยางมะตอยไม่ต่ำกว่า 1.2 ล้านตัน เทียบกับช่วงครึ่งปีแรกที่มีปริมาณการขาย 1.1 ล้านตัน และน่าจะทำกำไรไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท/ไตรมาส ในไตรมาส 3/58 และ 4/58

 

ฝ่ายวิจัยยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อทิศทางธุรกิจในระยะยาวของ TASCO จากนโยบายภาครัฐที่ให้ความสำคัญอย่างมากต่อการพัฒนาถนน โดยมีการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ถนนประเทศไทยระยะ 20 ปี ตั้งแต่ปี 2559-2579 ซึ่งปีงบประมาณ 2559 กรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท ได้รับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มขึ้น 30% และ 16% จากปีก่อนตามลำดับ

ในส่วน TASCO เองตั้งเป้าหมายเพื่อมุ่งสู่การเป็นบริษัทยางมะตอยระดับโลกภายในปี 2563 โดยพัฒนาการเชิงบวกที่จะเห็นต่อไป คือการเจรจาขอขยายเวลาสัญญาซื้อน้ำมันดิบในระยะยาวจาก Supplier ออกไปอีก 5 ปี และการขยายกำลังการผลิตยางมะตอย ซึ่งอยู่ในช่วงการศึกษาทางเลือกระหว่างการก่อสร้างโรงงานใหม่ที่มาเลเซียหรือการทำ M&A บริษัทที่ทำธุรกิจยางมะตอยในต่างประเทศ รวมถึงการเพิ่มธุรกิจ Trading น้ำมันใสโดยอาศัยความร่วมมือทางธุรกิจกับ SK energy ซึ่งเป็นพันธมิตรจากประเทศเกาหลีใต้

 

ผลบวกจากต้นทุนน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ทำให้ฝ่ายวิจัยปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2558 และ 2559 ขึ้นจากเดิม 5% และ 13% ตามลำดับ โดยคาดปี 2558 TASCO จะทำกำไรได้สูงถึง 4,477 ล้านบาท ขณะทีปี 2559 ประเมินกำไรบนหลักอนุรักษ์นิยมไว้ที่ 3,443 ล้านบาท ส่งผลให้ Fair Value ที่ประเมินอิง PER 10 เท่า เพิ่มขึ้นจาก 27.50 บาท เป็น 29.00 บาท ซึ่งคิดเป็น PER ปี 2559 ที่ 13.1 เท่า มี Upside จากราคาปัจจุบัน 19% แนะนำ ซื้อ

Back to top button