บล.ดาโอ แนะซื้อ PTTEP เป้า 130 บ. ลุ้นกำไร Q3 แตะ 1.42 หมื่นล้านบาท

บล.ดาโอ ประเมิน PTTEP กำไรสุทธิไตรมาส 3/2568 ราว 14,200 ล้านบาท เติบโต 5% จากไตรมาสก่อนหน้า ด้วยปริมาณขายเฉลี่ย 509 พันบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน และต้นทุนต่อหน่วยลดลง คาดกำไรงวด 9 เดือนปี 2568 คิดเป็น 70% ของเป้าทั้งปี พร้อมคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 130 บาท


บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP จะรายงานกำไรไตรมาสที่ 3/2568 ที่ 14,200 ล้านบาท ลดลง 21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน, เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า มีปัจจัยสำคัญได้รับแรงหนุนจากปริมาณขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นและต้นทุนต่อหน่วยที่ลดลง

นักวิเคราะห์คาดว่า ปริมาณขายเฉลี่ย (Sales Volume) จะอยู่ที่ 509 พันบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน (kboed) เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันก่อนปี และ 1% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยได้รับแรงหนุนหลักจากการรับรู้ปริมาณขายของแปลง A-18 ในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย (MTJDA)

ส่วน ราคาขายเฉลี่ย (Blended ASP) คาดอยู่ที่ 43.1 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ (USD/boe) ลดลง 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันก่อนปี และ 2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ตามราคาขายเฉลี่ยน้ำมัน (liquid ASP) ที่ปรับตัวลดลง ขณะที่ ต้นทุนต่อหน่วย (Unit Cost) อยู่ที่ 30.0 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ (USD/boe) ลดลง 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันก่อนปี และ 3% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ตามฐานปริมาณขายที่สูงขึ้น

ในส่วนของ ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม (Equity Income) คาดอยู่ที่ 65 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 84% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันก่อนปี แต่ลดลง 59% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า จากปัจจัยฤดูกาลของบริษัท Seagreen ซึ่งดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังลมในทะเล (offshore wind farm)

บล.ดาโอ ระบุเพิ่มเติมว่า บริษัท โททาล (TOTAL) ซึ่งเป็นผู้ดำเนินโครงการ Mozambique LNG เตรียมยกเลิกสถานะเหตุสุดวิสัย (Force Majeure) ที่ประกาศมาตั้งแต่เดือนเมษายน 2564 ในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งหากกำไรไตรมาส 3/2568 เป็นไปตามคาด กำไรสุทธิในงวด 9 เดือนแรกของปี 2568 (9M68) จะคิดเป็นประมาณ 70% ของประมาณการกำไรทั้งปี

ทั้งนี้ บล.ดาโอ ยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2568–2569 ไว้ที่ 63,200 ล้านบาท และ 59,100 ล้านบาท ตามลำดับ เทียบกับระดับสถิติ 78,800 ล้านบาทในปี 2567 โดยมีสมมติฐานว่า ปริมาณขายเฉลี่ยจะอยู่ในช่วง 507–536 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน (mmscfd) จากเดิม 489 mmscfd ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยลดลงอยู่ในช่วง 67–70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จาก 79.8 ดอลลาร์ และราคาขายเฉลี่ยก๊าซธรรมชาติลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 5.75–5.78 ดอลลาร์ต่อ mmbtu จาก 5.87 ดอลลาร์

บล.ดาโอ คงคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น PTTEP ที่ราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 130 บาทต่อหุ้น อิงวิธีคิดลดกระแสเงินสด (DCF) โดยใช้ WACC 6.7% และ อัตราการเติบโตระยะยาว (TG) 0% พร้อมสมมติฐานราคาน้ำมันดิบระยะยาวที่ 65 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

Back to top button