กองร้อยควบคุมฝูงชน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (18 ก.ย.68) พล.ต.สุรวิชญ์ แดงจันทร์ เสนาธิการกองทัพภาคที่ 1 แถลงกรณีเหตุการณ์ที่บ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 16-17 กันยายน 2568 โดยประณามการใช้มวลชน ซึ่งมีทั้งเด็ก ผู้หญิง และพระสงฆ์ เข้ามายั่วยุและรุกล้ำอธิปไตยของไทย พร้อมชี้ไปยังผู้นำประเทศกัมพูชาว่าปล่อยให้เหตุการณ์ลุกลามจนเกิดความวุ่นวาย พล.ต.สุรวิชญ์ กล่าวว่า การวางแนวลวดหนามเพื่อป้องกันตน ซึ่งได้มีข้อตกลงร่วมกันมาว่าจะไม่ดำเนินการใด ๆ จนกว่าข้อตกลงหยุดยิง ถอนทหาร เก็บกู้ทุ่นระเบิด ปราบปรามสแกมเมอร์ และจัดระเบียบพื้นที่หมู่บ้านตามแนวชายแดน จะไปสู่พื้นที่อธิปไตยของแต่ละฝ่าย แต่เหตุการณ์เมื่อวานที่ผ่านมาเป็นข้อพิสูจน์ว่า ฝ่ายตรงข้ามบิดเบือนข้อเท็จจริงไปสู่การนำเสนอข่าวว่าไทยทำร้ายประชาชนกัมพูชา พล.ต.สุรวิชญ์ ระบุว่า สิ่งที่ฝ่ายตรงข้ามกระทำนั้นมิใช่การปฏิบัติแบบทหารต่อทหาร แต่กลับนำประชาชนเข้ามารุกล้ำพื้นที่อธิปไตย โดยพบว่า มีวัยรุ่นและคนหนุ่มฉกรรจ์ประมาณ 100–200 คน พร้อมอาวุธ เช่น ไม้และหนังสติ๊ก ใช้ก่อความรุนแรง โดยระบุด้วยว่าภาพที่ปรากฏเป็น ‘ละคร’ ของฝ่ายตรงข้าม ขณะที่สิ่งที่เกิดขึ้นฝั่งไทยเป็นข้อเท็จจริงที่สามารถพิสูจน์ได้ พร้อมกันนี้ พล.ต.สุรวิชญ์ ย้ำถึงการประกาศยกระดับมาตรการเข้มข้นว่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หากมีการละเมิดอธิปไตยของไทย จะจับกุม นำตัวขึ้นรถผู้ต้องหา และนำตัวดำเนินคดีตามกฎหมายไทยโดยเคร่งครัด “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หากละเมิด จับกุมได้ จับกุมทันที ขนขึ้นรถผู้ต้องหานำเข้าดำเนินคดีฝั่งไทย ใช้กฎหมายสูงสุดเข้าข่ายไหนดำเนินคดีตามนั้น” เสนาธิการกองทัพภาคที่ 1 กล่าว อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ทบ. แจงใช้แก๊สน้ำตา-ยิงกระสุนยาง หลังม็อบกัมพูชา ฮือขวางวางลวดหีบเพลง