ค่าเงินสัปดาห์หน้า

ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในสัปดาห์หน้า (28 กรกฎาคม–1 สิงหาคม 2568) ที่ระดับ 32.00–32.80 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับไทย การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ระหว่างวันที่ 29–30 กรกฎาคม การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ระหว่างวันที่ 30–31 กรกฎาคม ทิศทางฟันด์โฟลว์ของนักลงทุนต่างชาติ ราคาทองคำในตลาดโลก และรายงานเศรษฐกิจและการเงินเดือนมิถุนายนของไทย ขณะเดียวกัน ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะมีผลต่อทิศทางค่าเงินในสัปดาห์หน้า ได้แก่ ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย ดัชนีราคาการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) และ Core PCE เดือนมิถุนายน ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงานเดือนกรกฎาคม และตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/2568 (Advance Estimate) รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ตลาดยังคงจับตาตัวเลขจีดีพีไตรมาส 2/2568 ของยูโรโซน และดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนกรกฎาคมของจีน ญี่ปุ่น อังกฤษ และยูโรโซนอย่างใกล้ชิด สำหรับความเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 3 ปี 5 เดือน โดยได้รับแรงหนุนจากราคาทองคำในตลาดโลกที่ทะยานกลับขึ้นมายืนเหนือระดับ 3,400 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ ประกอบกับสกุลเงินในภูมิภาคเอเชียแข็งค่าขึ้นท่ามกลางสภาวะที่เงินดอลลาร์ฯ อ่อนค่าจากการขาดปัจจัยสนับสนุนใหม่ ๆ ขณะที่นักลงทุนรอความชัดเจนจากการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศคู่ค้า ก่อนเส้นตาย 1 สิงหาคมนี้ นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ฯ ยังถูกกดดันจากกระแสวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ของประธานเฟด ส่งผลต่อความกังวลเกี่ยวกับความเป็นอิสระของธนาคารกลางสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ในช่วงปลายสัปดาห์ เงินบาทกลับมาอ่อนค่าลงเล็กน้อยตามการปรับตัวลงของราคาทองคำในตลาดโลก ท่ามกลางความหวังว่าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับประเทศต่าง ๆ จะมีแนวโน้มบรรลุข้อตกลง เมื่อวันศุกร์ที่ 25 กรกฎาคม 2568 เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 32.37 บาทต่อดอลลาร์ฯ จากระดับ 32.38 บาทต่อดอลลาร์ฯ เมื่อวันศุกร์ก่อนหน้า (18 กรกฎาคม) โดยเงินบาทเคยแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 3 ปี 5 เดือนที่ 32.11 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในระหว่างสัปดาห์ ก่อนจะอ่อนค่ากลับในช่วงปลายสัปดาห์ ในด้านฟันด์โฟลว์ของนักลงทุนต่างชาติ ระหว่างวันที่ 21–25 กรกฎาคม 2568 นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยจำนวน 8,802 ล้านบาท และมีสถานะ Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตรไทยสุทธิ 3,046 ล้านบาท โดยเป็นการซื้อสุทธิพันธบัตร 3,051 ล้านบาท และมีตราสารหนี้หมดอายุจำนวน 5 ล้านบาท