ตลาดหุ้นวอลสตรีท

ตลาดหุ้นวอลสตรีท ปิดในแดนลบเมื่อวันอังคาร (6 พ.ค.68) ท่ามกลางความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับทิศทางการเจรจาการค้าของรัฐบาลสหรัฐฯ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และนายสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ส่งสัญญาณสวนทางกันเกี่ยวกับกรอบเวลาในการทำข้อตกลงภาษีศุลกากรกับประเทศคู่ค้า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (.DJI) ปิดที่ 40,829.00 จุด ลดลง 83 จุด หรือ -0.95% ดัชนี S&P 500 (.SPX) ปิดที่ 5,606.91 จุด ลดลง 47 จุด หรือ -0.77% ดัชนี Nasdaq Composite (.IXIC) ปิดที่ 17,689.66 จุด ลดลง 58 จุด หรือ -0.87% นายเบสเซนต์ ให้ข้อมูลต่อสภาคองเกรสเมื่อวันที่ 6 พ.ค. ที่ผ่านมาว่า รัฐบาลสหรัฐฯ อาจประกาศข้อตกลงการค้ากับบางประเทศได้เร็วที่สุดภายในสัปดาห์นี้ ขณะที่ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ระบุว่า จะใช้เวลาราว 2 สัปดาห์ในการพิจารณาข้อตกลงที่เหมาะสม พร้อมยอมรับว่ายังไม่ได้หารือกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีน สะท้อนความไม่ชัดเจนในทิศทางนโยบายการค้าของรัฐบาล หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ร่วงหนักจากแรงกดดันเชิงนโยบาย โดยโมเดอร์นา (Moderna) ดิ่งลง 12.25% เวอร์เท็กซ์ (Vertex) ร่วง 10% หลังมีรายงานว่า FDA แต่งตั้ง ดร.วิเนย์ พราซาด นักเนื้องอกวิทยาที่เคยวิจารณ์นโยบายวัคซีน เข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยชีววัตถุ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ต่างเผชิญแรงขาย นำโดยเมตา (Meta) ที่ร่วง 2% เทสลา (Tesla) ร่วง 1.75% ขณะที่ไมโครซอฟท์, อเมซอน, อัลฟาเบท และอินวิเดีย ต่างปรับตัวลงตามกัน ด้านบวก หุ้นกลุ่มพลังงานขยับขึ้นจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นกว่า 3% โดยเชฟรอน (Chevron) และเอกซอนโมบิล (ExxonMobil) เป็นแรงพยุงเล็กน้อยในดัชนี นักลงทุนยังจับตาความเคลื่อนไหวของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) โดย FedWatch Tool ของ CME Group ระบุว่า นักลงทุนให้น้ำหนักเกือบ 100% ว่า เฟดจะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 4.25-4.50% แม้ประธานาธิบดีทรัมป์พยายามกดดันให้เร่งลดดอกเบี้ย