ธนาคารกลางประชาชนจีน

ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (20 พ.ค.68) ธนาคารกลางประชาชนจีน (PBOC) ลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 ขณะที่ธนาคารรัฐขนาดใหญ่หลายรายทยอยลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลง เนื่องจากทางการเริ่มผ่อนคลายนโยบายการเงิน เพื่อกันผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสงครามการค้า โดยการลดอัตราดอกเบี้ยครั้งล่าสุด คาดว่าจะช่วยกระตุ้นการบริโภคและการเติบโตของเงินให้สินเชื่อ (Loan Growth) จากภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ขณะที่ช่วยคุ้มครองอัตรากำไรที่หดตัวลงของผู้ให้กู้เพื่อการพาณิชย์ ธนาคารกลางประชาชนจีน (PBOC) ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ซึ่งถือเป็นการผ่อนคลายนโยบายการเงินอย่างรอบคอบ ท่ามกลางสถานการณ์สงครามการค้าที่กำลังปะทุขึ้น แม้ว่าขนาดของการลดดอกเบี้ยจะไม่มากนัก แต่ก็สะท้อนถึงความคืบหน้าในการสนับสนุนเศรษฐกิจ การปรับลดครั้งนี้ทำให้อัตราดอกเบี้ย LPR ระยะ 1 ปี ซึ่งเป็นอัตราที่มีผลต่อสินเชื่อภาคธุรกิจและครัวเรือน ลดลง 10 เบซิสพอยต์ เหลือ 3.0% ขณะที่อัตราดอกเบี้ย LPR ระยะ 5 ปี ซึ่งใช้เป็นเกณฑ์อ้างอิงสำหรับสินเชื่อที่อยู่อาศัย ก็ถูกปรับลดในขนาดเดียวกัน เหลือ 3.5% โดยนับเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่รัฐบาลเริ่มเข้ามากำกับกลไกการกำหนด LPR ในปี 2562 ในวันเดียวกันกับที่ธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ย LPR ธนาคารรัฐรายใหญ่ทั้ง 5 แห่งของจีนก็ได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลงเช่นกัน โดยมีเป้าหมายเพื่อรักษาเสถียรภาพของกำไรขั้นต้น และลดต้นทุนในการปล่อยสินเชื่อ การปรับลดครั้งนี้อยู่ในช่วงประมาณ 5-25 เบซิสพอยต์ ขึ้นอยู่กับประเภทเงินฝาก และคาดว่าธนาคารขนาดเล็กจะทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามมาในระยะถัดไป มาร์โก้ ซัน หัวหน้านักวิเคราะห์ตลาดการเงินจากธนาคาร MUFG กล่าวว่า การปรับลดดอกเบี้ยในครั้งนี้มีจุดประสงค์หลักเพื่อกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ และส่งเสริมการเติบโตของสินเชื่อ โดยมองว่าธนาคารกลางจะใช้จังหวะนี้ในการประเมินสถานการณ์อย่างระมัดระวัง เว้นแต่จะเกิดความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่รุนแรงจนกระทบต่อเสถียรภาพของเศรษฐกิจโดยรวม