นายกวิน กาญจนพาสน์

นายกวิน กาญจนพาสน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS และนายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจมาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART พร้อมด้วยนายธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด หรือ JVC ร่วมเปิดเผยภาพรวมธุรกิจและแนว ผ่านงานสัมมนา “Battle Strategy แผนฝ่าวิกฤติ พิชิตสงคราม EPISODE III : New World, New Value ปฏิวัติการลงทุนสู่โลกใหม่ ในหัวข้อ How "Digital Tokens" Will Sharpen the Ultimate Success of Business ในวันนี้(26 พฤศจิกายน 2564) นายกวิน กาญจนพาสน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BTS เปิดเผยว่า ทางบริษัทได้มีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด 19 ภายกลยุทธ์ 3 M หรือ ธุรกิจระบบขนส่งมวลชน ฐานข้อมูล Big Data Marketing Solution และพันธมิตรทางธุรกิจ โดยบริษัทยังเน้นกลยุทธ์ “3M” ดังกล่าวประกอกบด้วย 1) MOVE ที่มาจากธุรกิจบริการในระบบขนส่งมวลชน ทั้งรถไฟฟ้าหรือบริการเรือขนส่งแม่น้ำเจ้าพระยา,2) MIX ที่มาจากธุรกิจมีเดียที่ผสมผสานธุรกิจวีจีไอแพลตฟอร์มที่มีธุรกิจโฆษณา เพย์เมนต์ และโลจิสติกส์ (VGI) กับ Functional platform ได้แก่ Data analytics Data Marketplace และ 3)Match ที่มาจากการจับมือกับพันธมิตรธุรกิจ ทั้งนี้การลงทุนร่วมกับบริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) JMART ถือเป็นก้าวสำคัญในการเรียนรู้เพื่อการเติบโต เพราะนี่คือบริษัทที่แต่เดิมขายโทรศัพท์มาร่วม 20-30 ปี ที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงสู่ Digital Company และมองว่ามันคือความท้าทายในการที่ต้องคิดว่าจะบริการและขยายฐานลูกค้าอย่างไรให้ผู้บริโภคเหล่านี้ยังคงอยู่ในวงโคจรความร่วมมือของระหว่าง BTS และ JMART นอกจากนี้ทางบริษัท BTS ยังมีโปรเจคด้านดิจิทัลในการดึงสกุลเงิน JFINCOIN มาใช้ภายในเครือข่ายของกลุ่ม BTS โดยคาดว่าจะเริ่มเห็นความชัดเจนภาย 1-2 เดือน หรือ ในไตรมาส 1/2565 ด้านนายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JMART กล่าวว่า ในการร่วมมือธุรกิจกลุ่ม BTS ถือเป็นการสร้าง Ecosystem ที่ใหญ่ขึ้น เนื่องจากธุรกิจส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับกลุ่มคนเป็นล้าน บวกกับโครงสร้างกลุ่ม BTS ทั้งบริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGI,บริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ U และบมจ.เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (KEX) เคอร์รี่ รวมกับธุรกิจในกลุ่มเจมาร์ททั้งบริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER ที่มีทั่วประเทศ,บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT และ บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด "ตรงนี้จึงเป็นจุดให้กลุ่มเจมาร์ทเริ่มโฟกัสไปที่ “คอมเมิร์ซ แพลตฟอร์ม-ไฟแนนเชียล แพลตฟอร์ม” นี่ถือเป็นความลงตัวในการร่วมมือกับกลุ่ม BTS และกลุ่มเจมาร์ท" นายอดิศักดิ์กล่าว ด้านนายธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า ทิศทางการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลทุกวันนี้ในภาคธุรกิจเริ่มนำมาสร้างเป็นโทเคน เพื่อนำมาใช้ในภาคบริการ อสังหาริมทรัพย์ และหลายส่วนๆเริ่มสนใจมากขึ้น ส่วนอีกด้านเป็นการนำโทเคนมาสู่ภาคการลงทุนคนทั่วไปรู้จักมาก เพราะเหรียญในโลกเกิดขึ้นมาก จะเป็นเหรียญแห่งการลงทุนเพื่อเก็งกำไร เราไม่ได้เอาเหรียญมาใช้ราคาขึ้นแรงลงแรงตามการซื้อขายในกระดานหลักทั่วไป ดังนั้นบริษัทจึงสินทรัพย์ดิจิตอลจะมาต่อยอดกับธุรกิจบริษัทในขณะนี้ คือ 1.การเอาโทเคนมาแลกการบริการ,2.นำเหรียญ JFin ไปเป็นส่วนลดบริการ และ 3.ประกาศสินค้าเป็นราคาเหรียญ JFin เช่น การเอาเหรียญมาจ่ายซื้อโทรศัพท์ โดยในอนาคตจะเห็นการนำเหรียญโทเคน (Token) ใช้ในภาคคอมเมิร์ซ มากขึ้น ด้านนายอดิศักดิ์ กล่าวเสริมว่า ขณะเดียวกันกลุ่ม BTS เตรียมจะนำเหรียญ JFin Coin เข้าไปสามารถใช้จ่ายในกลุ่มได้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้จ่ายค่าโดยสาร ค่าใช้จ่ายด้านโฆษณา และค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้า ผ่านบริษัทต่างๆ ในกลุ่มของ BTS โดยในกลุ่ม JMART ได้มีการทดลองใช้เหรียญ JFin Coin มาแล้วกว่า 3 ปี ซึ่งปัจจุบันเป็นรายแรกและรายเดียวที่สามารถนำเหรียญไปแลกเปลี่ยนเป็นสินค้า อาทิ มือถือ อุปกรณ์เสริมอื่นๆได้เป็นต้น ขณะเดียวหลังจากร่วมมือทำธุรกิจคาดว่าจะหนุนให้จากฐานลูกค้า JMART เพิ่มขึ้นราว 30 ล้านราย จากเดิมอยู่ที่ประมาณ 7 ล้านราย โดยมีฐานลูกค้าผ่านทางบัตร Rabbit,LINE Pay,KERRY จะทำให้มีการใช้งานเหรียญ JFIN มากยิ่งขึ้นและจะทำให้ราคาโทเค็นปรับตัวขึ้น "ในปี 65 เราจะได้เงินเพิ่มทุนเข้ามาราว 30,000 ล้านบาท จะทำให้เกมส์เปลี่ยนไปชัดเจน และจะเป็นเกมส์ที่ใหญ่ขึ้น ผมมีหน้าที่จะเอา Ecosystem ที่มีทั้งกลุ่ม JMART และ กลุ่ม BTS มาผสมผสานกันแล้วใช้เทคโนโลยี และเชื่อว่าจะสามารถ Disruption บางธุรกิจได้ "นายอดิศักดิ์ กล่าว