ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ หัวหน้าสายงานวิจัย

นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ หัวหน้าสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยในรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันที่ 17 เมษายน 2568 ว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาด ปรับตัวขึ้นต่อจากเมื่อวาน โดยจุดสำคัญที่ต้องจับตาคือแนวต้านที่ระดับ 1,155 จุด หากสามารถผ่านไปได้ในแง่ของโมเมนตัมของ SET Index น่าจะมีโอกาสฟื้นตัวต่อเนื่อง จากการก้าวข้ามแนวต้านระยะสั้นทั้งหมด ส่วนแนวรับวันนี้อยู่ที่ 1,120 จุด โดยปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในขณะนี้ ได้แก่ สถานการณ์เรื่องกำแพงภาษี ความตึงเครียดในเรื่องนี้ได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และจากนี้ไปจะเป็นกระบวนการของการเจรจาตลาดจะจับตาดูพัฒนาการของการกลับมาทำการค้าระหว่างหลายประเทศรวมถึงจีนด้วย ขณะที่ไทยความเสี่ยงสูงสุดของภาษีน่าจะอยู่ที่ 37% แต่จะทำได้ดีกว่าเดิมไหมต้องดูการเจรจา ดังนั้นตลาดจะรอดูการประเมินการฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังการเจรจา โดยพิจารณาทั้งนโยบายการคลังและการเงินหากมีแนวทางที่ชัดเจนและเศรษฐกิจไม่ได้แย่กว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ตลาดก็มีโอกาสฟื้นตัวอย่างยั่งยืน นอกจากนี้การที่ตัวเลข GDP จีนไตรมาส 1/68 โต 5.4% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน สูงกว่าคาดที่ระดับ 5.1% ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยในช่วงบ่ายวานนี้มีการดีดตัวสูงขึ้น ขณะเดียวกันมีสัญญาณการกระเตื้องขึ้นของความต้องการสินเชื่อในประเทศจีน ซึ่งเป็นตัวสะท้อนว่าเศรษฐกิจจีนกำลังฟื้นตัวขึ้นรอบใหม่ เพียงแต่ว่าปริมาณเงิน (M2) ยังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งหมายความว่าการกระจายเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจยังจำกัดอยู่ จีนอาจจะรอดูการเจรจากับสหรัฐฯ ก่อนที่จะอัดฉีดเงินรอบใหม่ สำหรับกลยุทธ์การลงทุนที่เกี่ยวข้องกับแนวโน้ดังกล่าวแนะนำให้ทยอยซื้อ (Selective Buy) ในหุ้นกลุ่ม China Play ซึ่งส่วนใหญ่มีราคาที่น่าสนใจ(Deep Value) และเริ่มเข้าสู่จังหวะฟื้นตัวตามเศรษฐกิจจีน และหากการเจรจาเป็นไปด้วยดีและอุปสงค์หลักจากจีนฟื้นตัว หุ้นกลุ่มนี้จะได้รับประโยชน์อาทิ PTT, PTTGC, SCC, IVL, SCGP,CPF ซึ่งปรับฐานลงมาแรงก่อนหน้า นอกจากนี้ยังต้องติดตามผลประกอบการกลุ่มธนาคารไตรมาส 1/2568 โดยมี TISCO เป็นธนาคารแรกที่จะรายงานงบในวันนี้ ซึ่งคาดว่าจะลดลงเมื่อเทียบทั้งแบบช่วงเดียวกันของปีก่อน และเทียบไตรมาสก่อนหน้าราว 7% โดยนักลงทุนอาจใช้ช่วงก่อนขึ้น XD เป็นโอกาสเก็งกำไรระยะสั้น ขณะที่หุ้นในกลุ่มเดียวกันอย่าง TCAP และ KKP ยังอยู่ในภาวะ Underperform เนื่องจากความกังวลด้านสินเชื่อยานยนต์และรถยนต์มือสอง