ผู้บริหารพ้นตำแหน่ง

บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ JKN ในฐานะผู้ทำแผนฟื้นฟูกิจการ ชี้แจงต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กรณีสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษบริษัทและกรรมการ 2 ราย ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) พร้อมรายงานผลกระทบต่อกระบวนการฟื้นฟูกิจการ ระบบบัญชี และแนวทางการดำเนินธุรกิจในอนาคต โดยประเด็นแรกเกี่ยวกับความคืบหน้าการจัดทำรายงานตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษ (Special Audit) บริษัทระบุว่า ขณะนี้ผู้สอบบัญชีอิสระ คือ บริษัทสำนักงาน ดร.วิรัช แอนด์ แอสโซซิเอทส์ จำกัด ได้ดำเนินการสอบทานข้อมูลบัญชีแล้วเสร็จ และอยู่ระหว่างการจัดทำรายงานเพื่อแสดงความเห็น โดยขอบเขตครอบคลุมรายการซื้อลิขสิทธิ์ระหว่าง 1 มกราคม 2566 ถึง 30 มิถุนายน 2567 อย่างไรก็ตาม จากข้อสังเกตเพิ่มเติมของ ก.ล.ต. เกี่ยวกับเจ้าหนี้จากรายการซื้อลิขสิทธิ์ บริษัทจำเป็นต้องปรับขอบเขตการตรวจสอบให้ครอบคลุมมากขึ้น จึงอาจส่งผลให้การออกรายงานล่าช้ากว่าไตรมาส 2/2568 ตามแผนเดิม สำหรับประเด็นข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการสร้างเจ้าหนี้และลูกหนี้ปลอม ซึ่งอาจมีผลต่อการใช้สิทธิออกเสียงเลือกผู้ทำแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัทชี้แจงว่า การกล่าวโทษดังกล่าวเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการสอบสวน โดยผู้ถูกกล่าวหายังมีสิทธิในการนำเสนอพยานหลักฐานต่อเจ้าหน้าที่สอบสวน และกระบวนการฟื้นฟูจะยังไม่เปลี่ยนแปลงจนกว่าจะมีคำพิพากษาถึงที่สุดของศาล ขณะที่ในส่วนของผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ ภายหลัง นายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ และนางสาวพิมพ์อุมา จักราจุฑาธิบดิ์ พ้นจากตำแหน่ง บริษัทเปิดเผยว่า ได้สรรหากรรมการชุดใหม่เรียบร้อยแล้ว โดยอยู่ระหว่างรอความเห็นชอบจากศาลล้มละลายกลาง คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 15 วัน ส่วนการบริหารงานชั่วคราวยังคงดำเนินการตามปกติ โดยผู้รับผิดชอบแต่ละสายงานยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อเนื่อง ขณะเดียวกันอยู่ระหว่างการสรรหาผู้บริหารใหม่ที่เหมาะสมมาดำรงตำแหน่งแทน พร้อมกันนี้ บริษัทระบุถึงแผนปรับปรุงระบบควบคุมภายในและกระบวนการจัดทำงบการเงิน โดยเน้นให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจจากการจำหน่ายคอนเทนต์เป็นธุรกิจ Commerce โดยมีการออกอากาศผ่านช่อง JKN18 และช่องทางออนไลน์เพื่อสร้างยอดผู้ชม พร้อมกันนี้อยู่ระหว่างการติดตั้งระบบ Enterprise Resource Planning (ERP) ซึ่งจะควบคุมทุกขั้นตอนในระบบการเงิน-บัญชี คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคม 2568 และอยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างบุคลากรให้เหมาะสมกับระบบควบคุมภายในใหม่