พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส

เป็นไปตามสูตรก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจบรรดากองเชียร์ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและคณะ ต่างพากันออกมาส่งเสียงสนับสนุน ทั้งไปยกป้ายให้กำลังใจหน้าสภา ทั้งไปยื่นหนังสือคัดค้านการซักฟอกต่อตัวแทนของประธานสภาผู้แทนราษฎร ในนามขององค์กรเอกชนที่เคลื่อนไหวด้านแรงงาน ซึ่งเป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่ากลุ่มคนเหล่านั้นทำงานเพื่อปกป้องสิทธิประโยชน์ของผู้ใช้แรงงานอย่างจริงจัง หรือเพื่อหาผลประโยชน์ส่วนตัวที่ได้รับการดูแลกันเป็นอย่างดีกันแน่ เป็นเช่นนี้ทุกยุคทุกสมัย ไม่ว่าจะรัฐบาลในรูปแบบใดก็ตาม แต่ทั้งหมดไม่ได้มีผลต่อความเชื่อถือเชื่อมั่นของประชาชนส่วนใหญ่ที่มีต่อคณะผู้บริหารประเทศ ไม่ต่างกันกับเพจเชียร์ลุงตู่ที่โพนทะนาผลงานละเอียดยิบในช่วงกว่า 7 ปีที่ผ่านมา ถามกันสั้น ๆ ง่าย ๆ ทำไมต้องเลือกมาเผยแพร่ในวันที่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย และทำเช่นนี้ทุกครั้งที่มีการซักฟอก ผลงานดีไม่ต้องโฆษณาประชาชนเขารับรู้ได้ ไม่ต้องให้มีใครมาจูงจมูก ขณะที่ศึกซักฟอกวันแรกเปิดแผลกันเบา ๆ กับเงินทอนวัคซีนซิโนแวค ก่อนที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจจะลุกขึ้นมาตอบโต้ทันควันหลังจากการอภิปรายของ พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย โดยเน้นย้ำถึงความโปร่งใสในการบริหารจัดการและความซื่อสัตย์ของตัวเอง พร้อมการบลัฟกลับว่า ตัวเองเป็นถึงนายกฯ ส่วนคนที่อภิปรายเป็นได้แค่ผบ.ตร. ดังนั้น ความสามารถจึงแตกต่างกัน เรื่องยกหางตัวเองและชอบให้คนมายกหางนั้นเป็นงานถนัด เป็นสิ่งที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจและลิ่วล้อสอพลอชื่นชอบ อย่างไรก็ตาม ศึกซักฟอกหนนี้สิ่งที่น่าติดตามก็คือการลงมติในวันเสาร์ที่ 4 กันยายนนี้ โดยที่ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจพยักหน้ายอมรับกับสื่อต่อประเด็นที่ว่าไลน์ถึง พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เพื่อสอบถามหลังมีข่าวส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลจะโหวตสวนทางกับมติของวิปรัฐบาล นั่นหมายความว่า ตัวเลขคะแนนเสียงที่ออกมาจะไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซ้ำรอยกับการซักฟอกหนที่ผ่านมาที่ อนุทิน ชาญวีรกูล และ ศักดิ์สยาม ชิดชอบ ถูกส.ส.ดาวฤกษ์ของพรรคสืบทอดอำนาจไม่ยอมยกมือไว้วางใจ หนนี้จึงมีการขู่กันมาจากบรรดาแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคห้ามส.ส.แหกมติเป็นอันขาด แต่คงทำได้แค่กระทืบเท้าโชว์พลังกันเท่านั้น แม้เสี่ยหนูจะยืนยันว่าคุยกับพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.แล้ว ขอให้เชื่อพี่คนเดียวไม่ต้องไปฟังใคร ก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น โดยอาจจะมีเสียงแหกคอกมาจากก๊วนกินกล้วยขาเก่าเจ้าประจำของพรรคฝ่ายค้านที่มาร่วมยกมือไว้วางใจให้ ต้องติดตามช่วงเวลาที่เหลือในการซักฟอกอีกสองวันฝ่ายค้านจะมีหลักฐานเด็ด หมัดน็อคใครได้หรือไม่ เพราะเท่าที่ฟังเรื่องเงินทอนวัคซีนซิโนแวค 2 พันล้านคนได้ยินหูผึ่ง แต่การไร้ซึ่งหลักฐานย่อมทำให้ขาดน้ำหนักที่จะก่อแรงกระเพื่อมไปยังรัฐบาลได้ วิธีการตีวัวกระทบคราดหรือประจานด้วยพฤติกรรมชวนสงสัย มันใช่ไม่ได้กับขบวนการสืบทอดอำนาจอยู่แล้ว หากเป็นพวกหน้าบางคงไม่กล้าที่จะอยู่กันยาวมาจนถึงปัจจุบันนี้ ขณะเดียวกันศึกซักฟอกทุกครั้งที่เกิดขึ้นก็ทำให้เห็นธาตุแท้ของบางคนและเหมือนเป็นหลักฐานมัดว่าทำไมส.ส.ปัดเศษถึงได้ยุบพรรคและย้ายพรรคได้แบบไม่มีปัญหาอะไรให้ระคายผิว เพราะการลุกขึ้นประท้วงแต่ละครั้งเหมือนหนนี้ที่อ้างว่ารับไม่ได้กับเนื้อหาที่ฝ่ายค้านกล่าวหาโจมตีผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจว่า ค้าความตาย ผู้นำโง่ เราจะตายกันหมด พร้อมยกหางหัวหน้าพรรคสืบทอดอำนาจด้วยว่าไม่อยากให้มีการใส่ความกัน และขอให้พรรคพลังประชารัฐดูแลท่านผู้นำจะมาใส่ความกันไม่ได้ ทว่าการประชุมตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงช่วงเย็นของวันแรกผู้ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมคือ ชวน หลีกภัย แล้วตามมาด้วย สุชาติ ตันเจริญ จึงทำให้สามารถควบคุมการประชุมไว้ได้ โดยเฉพาะในช่วงที่ มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์อภิปรายผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ บรรดาส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลรวมทั้งงูเห่าจากก้าวไกลอย่าง คารม พลพรกลาง พากันลุกขึ้นประท้วงกันหน้าสลอน แต่รองประธานตี๋กร่างก็สามารถคุมเกมและให้มีการอภิปรายต่อไปได้ ที่หลายคนไม่มั่นใจคือช่วงจังหวะที่ ศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯคนที่สองมาทำหน้าที่ประธานในการประชุม เนื่องจากหลายครั้งหลายหนที่ผ่านมา ผู้ที่อ้างว่าตัวเองเป็นสหายในอดีตนั้น แสดงออกถึงการทำหน้าที่ไม่เป็นกลางอย่างเด่นชัด แน่นอนว่า หากเป็นการอภิปรายในส่วนของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจคงไม่มีปัญหาเท่าไหร่ แต่ถ้าเข้าสู่การซักฟอกสองรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทยเมื่อไหร่ถ้าปล่อยให้คนๆนี้ทำหน้าที่เชื่อได้เลยว่าสภาวุ่นวายอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ยังไม่มีข่าวเล็ดลอดออกมาว่ามีเอกสารลับที่เป็นอาวุธเด็ดตกมาอยู่ในมือของฝ่ายค้านแต่อย่างใด แต่เท่าที่แลกเปลี่ยนข้อมูลกับคนวงในของพรรคนายใหญ่ ก็มีการแพลมกันมาบ้างว่าจะมีเอกสารบางชุดที่แฉถึงความไม่ชอบมาพากลต่อการประมูลงานโครงการขนาดใหญ่บางโครงการ ซึ่งต้องรอตรวจสอบและยืนยันข้อมูลกันอีกครั้งว่าเป็นของจริงหรือไม่ เนื่องจากอีกด้านก็มีการระบุว่ากว่าที่จะผ่านแต่ละโครงการนั้น บรรดาขาใหญ่ทั้งหลายได้ตกลงแบ่งเค้กกันจนเป็นที่พอใจแล้ว เนื่องจากแต่ละรายก็มีภาระในการดูแลผู้มีอำนาจแต่ละสายจนอิ่มหนำสำราญ และมีการตรวจสอบตรวจทานกันอย่างละเอียดว่าเป็นการยิงกระสุนเข้าเป้า ไม่ใช่เหวี่ยงแหหรือจ่ายผิดคน ยิ่งทางซีกของพรรคบางพรรคที่ไม่ใช่แค่ระดับนำเท่านั้นต้องได้รับผลประโยชน์ ผู้อยู่เบื้องหลังคนสำคัญต้องได้รับการเอาใจใส่เป็นอย่างดีด้วย เรียกได้ว่าไม่ให้ขาดตกบกพร่อง ส่วนการสร้างคะแนนเสียง ซื้อความนิยมกันล่วงหน้าผ่านโครงการของกระทรวงใหญ่ที่กำกับดูแลก็อัดงบกันเต็มที่ ส.ส.ที่มีบริษัทรับเหมากระเป๋าตุงกันเป็นแถว