ฟาร์มโคนม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (25 มิ.ย.68) ราคาหุ้น บริษัท ชูวิทย์ฟาร์ม (2019) จำกัด (มหาชน) หรือ CFARM ณ เวลา 16:13 น. อยู่ที่ระดับ 0.95 บาท บวก 0.07 บาท หรือ 7.95% สูงสุดที่ระดับ 0.98 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 0.89 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 11.56 ล้านบาท ขณะเดียวกันราคาหุ้นต่ำกว่า มูลค่าหุ้นทางบัญชีต่อหุ้นอยู่ที่ระดับ 1.14 บาท โดยก่อนหน้านี้นางสาวมธุชา จึงธนสมบูรณ์ รองกรรมการผู้จัดการสายงานการจัดการ บริษัท ชูวิทย์ฟาร์ม (2019) จำกัด (มหาชน) หรือ CFARM เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติการเข้าลงทุนโครงการฟาร์มไก่ไข่บนที่ดินของบริษัท ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดบุรีรัมย์ ประกอบด้วยอาคารสิ่งปลูกสร้างและเครื่องจักรการผลิต มูลค่าการลงทุนรวม 119.71 ล้านบาท โดยสามารถรองรับไก่ยืนกรงสำหรับให้ไข่ได้ประมาณ 200,000 ตัว ในรูปแบบเกษตรพันธสัญญา โดยลักษณะการประกอบธุรกิจมีรูปแบบและองค์ความรู้ใกล้เคียงกับธุรกิจไก่เนื้อเดิมของบริษัท ทั้งนี้บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาคู่สัญญา และคัดเลือกผู้รับเหมาในการพัฒนาโครงการโดยผ่านกระบวนการเสนอและเปรียบเทียบราคา การลงทุนโครงการฟาร์มไก่ไข่ ซึ่งแหล่งเงินทุนจะมาจากเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท และการกู้ยืมสถาบันการเงิน “การลงทุนดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อการต่อยอดการเติบโตของบริษัทและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ธุรกิจของบริษัทในอนาคต ซึ่งยังคงเป็นการลงทุนระบบคอนแทรกต์ฟาร์ม (Contract Farming) แบบธุรกิจไก่เนื้อ โดยความสามารถในการทำกำไร (มาร์จิ้น) ใกล้เคียงกันเฉลี่ย 7-8% และปัจจุบันอยู่ระหว่างการปรับพื้นที่ และลงทุนก่อสร้างฟาร์มไก่ไข่ขนาด 200,000 ตัว ปัจจุบันความคืบหน้าการลงทุนก่อสร้างแล้ว 5% และจะรับรู้รายได้และกำไรภายในไตรมาส 4/2568 ส่วนความคืบหน้าการลงทุนโครงการฟาร์มโคนม ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการทำข้อตกลงและสัญญาในการซื้อขายโคนมจากประเทศออสเตรเลีย จำนวนกว่า 1,250 ตัว เพื่อนำเข้ามาในประเทศไทย เพื่อไปเลี้ยงในจังหวัดบุรีรัมย์ ปัจจุบันมีความคืบหน้าการลงทุนก่อสร้าง และดำเนินการส่วนที่เกี่ยวข้องแล้ว 20% เบื้องต้นกำหนดนำเข้าภายในปลายไตรมาส 3/2568 และมีกำหนดผลิตน้ำนมดิบล็อตแรกภายในไตรมาส 1/2569 เพื่อส่งให้กับคู่ค้าทันที ซึ่งปัจจุบันมีคำสั่งซื้อ (Order) รองรับเรียบร้อยแล้ว ขณะที่ ธุรกิจฟาร์มเลี้ยงไก่เนื้อระบบคอนแทรกต์ฟาร์ม (Contract Farming) ปัจจุบันได้รับผลบวกจากราคาเนื้อไก่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้คู่สัญญาเร่งรับซื้อไก่เข้าโรงเชือดเร็วขึ้น และได้ราคาขายที่ดี เนื่องจากสามารถรักษามาตรฐานไก่ได้ตามคู่สัญญาต้องการ แม้มีวันเลี้ยงที่น้อยลง และน้ำหนักตัวน้อยลงก็ตาม สำหรับแผนการดำเนินงานของปี 2568 บริษัทคาดว่าจะมีรายได้รวมใกล้เคียงปี 2567 ที่มีรายได้รวม 224 ล้านบาท เนื่องจากไม่มีสัญญาเลี้ยงไก่เนื้อฉบับใหม่เข้ามาเพิ่มเติม ขณะที่กำไรสุทธิปี 2568 คาดว่าสูงกว่าปี 2567 ที่มีกำไรสุทธิ 10.14 ล้านบาท และสูงกว่าปี 2566 ที่มีกำไรสุทธิ 30.49 ล้านบาท เนื่องจากการเลี้ยงไก่เนื้อมีรอบการเลี้ยงเป็นปกติ บวกกับมีอัตราการเลี้ยงรอดและน้ำหนักเฉลี่ยที่ดีกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม สอดคล้องกับการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจในทุกปี และการปรับปรุงทุกภาคส่วนตามแผนที่วางไว้