CFARM วิ่งต่อ 11% นิวไฮรอบ 6 เดือน รับแผนทุ่ม 120 ล้าน ปั้น “ฟาร์มไก่ไข่” บุ๊กรายได้ Q4

CFARM บวกต่อ 11% ทำนิวไฮในรอบ 6 เดือน รับแผนทุ่มงบ 120 ล้านบาท ลุยธุรกิจฟาร์มไก่ไข่ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 4/68 สนับสนุนผลประกอบการให้เติบโต


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (29 พ.ค.68) ราคาหุ้น บริษัท ชูวิทย์ฟาร์ม (2019) จำกัด (มหาชน) หรือ CFARM ณ เวลา 14:58 น. อยู่ที่ระดับ 1 บาท บวก 0.10 บาท หรือ 11.11% สูงสุดที่ระดับ 1.03 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 0.88 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 41.99 ล้านบาท ทำจุดสูงสุดอีกครั้งในรอบ 6 เดือน นับตั้งแต่ราคาปิดเมื่อวันที่ 22 พ.ย.67

นางสาวมธุชา จึงธนสมบูรณ์ รองกรรมการผู้จัดการสายงานการจัดการ CFARM เปิดเผยว่า บริษัทฯ เดินหน้าขับเคลื่อน 2 โครงการใหญ่ ได้แก่ ฟาร์มไก่ไข่ และ ฟาร์มวัวนม เพื่อยกระดับการผลิตอาหารสดในประเทศ ตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจในคุณภาพและความปลอดภัยของอาหาร

โดยในส่วนของฟาร์มไก่ไข่ CFARM มีมติอนุมัติลงทุน โครงการฟาร์มไก่ไข่บนที่ดินของบริษัทในจังหวัดบุรีรัมย์ มูลค่ารวม 119.71 ล้านบาท เพื่อรองรับแม่ไก่ไข่จำนวน 200,000 ตัวในระบบการเลี้ยงแบบยืนกรง (caged layer) ผ่านการสนับสนุนทางการเงินจากการกู้ยืมสถาบันการเงินและทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ โดยคาดว่าจะเป็นการกู้ยืมมากกว่า 50% เพื่อลงทุนในอาคารสิ่งปลูกสร้างและเครื่องจักรการผลิตใหม่ทั้งหมด

สำหรับฟาร์มไก่ไข่จะบริหารจัดการภายใต้โมเดลธุรกิจ Contract Farming ใกล้เคียงกับธุรกิจไก่เนื้อเดิมของบริษัท และได้ตกลงกับคู่สัญญาแล้ว เป็นระยะเวลาสัญญา 2 ปี คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้และกำไรในไตรมาส 4/68 ซึ่งฟาร์มไก่ไข่จะสามารถเก็บไข่ได้ทุกวัน และเรียกเก็บเงินได้ในทุก ๆ 14 วัน คาดว่าจะถึงจุดคุ้มทุนใน 6 ปี โดยโครงการอยู่ระหว่างคัดเลือกผู้รับเหมาก่อสร้างผ่านกระบวนการเปรียบเทียบราคา ปัจจุบันการดำเนินการมีความคืบหน้าแล้ว 5%

การลงทุนในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างการเติบโตและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ธุรกิจของบริษัทในระยะยาว โดยอัตราการทำกำไรคาดว่าจะอยู่ในระดับเฉลี่ย 7-8% เทียบเท่ากับธุรกิจไก่เนื้อที่ดำเนินอยู่เดิม ภายใต้ภาพรวมค่าใช้จ่ายการบริหารที่ไม่ได้แตกต่างกันมาก และไม่ได้กระทบกัน

ทั้งนี้อุตสาหกรรมไก่ไข่ยังถือเป็นหนึ่งในภาคเกษตรหลักของประเทศ โดยมีความต้องการภายในประเทศที่มั่นคงและมีศักยภาพในการขยายตลาดส่งออก โดยเฉพาะไปยังกลุ่มประเทศ CLMV ที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพและความปลอดภัยของไข่ไก่ ซึ่งบริษัทฯ มุ่งมั่นจะพัฒนาเพื่อเป็นผู้นำในตลาดในอนาคต

สำหรับโครงการฟาร์มโคนม มีความคืบหน้าแล้วประมาณ 20% โดยอยู่ระหว่างการศึกษาระบบการเลี้ยงโคนมและปรับปรุงพื้นที่ให้เหมาะสมกับการผลิตน้ำนมคุณภาพสูง ที่ล่าช้าไปบ้างจากปริมาณฝนที่ตกหนัก ปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างสรุปแหล่งจัดซื้อโคนมพันธุ์ดี จำนวนกว่า 1,250 ตัว เพื่อเลี้ยงในฟาร์มที่จังหวัดบุรีรัมย์ คาดว่าจะสามารถนำเข้าโคนมได้ภายในช่วงปลายไตรมาส 3/68 และเริ่มรีดนมดิบล็อตแรกภายในไตรมาส 1/69

นางสาวมธุชา กล่าวอีกว่า โครงการนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการวางรากฐานเพื่อพัฒนาแบรนด์นมสดของบริษัทฯ ในอนาคต เพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขัน และสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจในระยะยาว บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าพัฒนาโครงการฟาร์มทั้ง 2 ประเภทให้ได้ตามแผนที่วางไว้ โดยยึดหลักการบริหารจัดการที่ยั่งยืน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความมั่นคงด้านอาหารของประเทศไทยในระยะยาว

Back to top button