รัฐบาลพรรคเพื่อไทย

นสพ.ข่าวหุ้นธุรกิจ ก่อกำเนิดฉบับปฐมฤกษ์ เมื่อ 16 ก.ย. 2537 มาปีนี้ ก็ผ่านหลักไมล์ 31 ปีบริบูรณ์มาแล้ว ผ่านวิกฤตใหญ่มา 3 ครั้ง ขณะนี้เผชิญวิกฤตครั้งใหม่ นั่นคือวิกฤตแห่งความเปลี่ยนแปลง หากปรับตัวรับมือกับความเปลี่ยนแปลงได้ ก็อยู่รอด! แต่หากปรับตัว รับมือกับความเปลี่ยนแปลงไม่ได้ก็อยู่ยาก! กระทั่ง อาจล้มหายตายจาก จึงถือเป็นความท้าทายอีกปีหนึ่งของข่าวหุ้นธุรกิจ ปีนี้ยังเป็นปีท้าทาย เศรษฐกิจไทยและตลาดหุ้นไทย จะหยุดยั้ง “ขาลง” ได้หรือไม่ ปัจจัยการเมือง เมื่อก่อน นักวิเคราะห์ทั้งในและต่างประเทศ มักจะไม่เอาไปรวมในบทวิเคราะห์ แต่เดี๋ยวนี้ ปัจจัยการเมือง โดยเฉพาะเรื่องของเสถียรภาพการเมือง กลายเป็นเรื่องไม่เอาเหตุปัจจัยมาร่วมวิเคราะห์ด้วยไม่ได้แล้ว ถอดบทเรียนจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ไม่ว่ารัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน หรือแพทองธาร ชินวัตร ที่ต้องผสมกันแบบข้ามขั้ว..จนไร้ซึ่งเอกภาพในการบริหารจัดการแผ่นดิน.. ในสายตาของนักลงทุน..นี่คือ “ความเสี่ยง” ที่ไม่รู้ว่าจะสรรหาตำราบริหารความเสี่ยงใด ๆ มาใช้ได้เลย ที่สำคัญด้วย “นโยบายเศรษฐกิจ” ติดกับดักการเมือง..ทำให้ถ้อยแถลงไว้ในสภาฯ กลายเป็นเพียง “ลมปากที่แผ่วเบา” ไม่สามารถหยิบจับให้เกิดเป็นรูปธรรมได้เลย..!! เมื่อการเมืองไม่นิ่ง..นโยบายเศรษฐกิจไม่ขยับ..นักลงทุนไร้ความเชื่อมั่น..ตลาดหุ้นไทยจึงจมปลักอยู่ในสถานการณ์ “กลับตัวก็ไม่ได้ ให้เดินต่อไปก็ไปไม่ถึง” นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ หนีกระเจิงไปตลาดอื่นแทน.. เอาล่ะกลับมาสู่โจทย์ที่ท้าทายว่า.. ปีนี้เศรษฐกิจไทยและตลาดหุ้นไทยจะหยุดยั้ง “ขาลง” ได้หรือไม่.!? ต้องกลับมาดู “เสถียรภาพการเมือง” ตอนนี้..แม้ดูจะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย แต่ดูเหมือนว่า “การตอบรับ” จากนักลงทุนจะเป็นไปในเชิงบวก ด้วยหน้าตาคณะรัฐมนตรีกระทรวงสำคัญอย่างกระทรวงการคลัง, กระทรวงพลังงาน, กระทรวงพาณิชย์ และอีกหลายกระทรวง ดูเหมือนจะ “ถูกฝาถูกตัว” กว่ารัฐบาลที่ผ่านมา การออกมาแอคชันของ “เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ” ว่าที่รมว.คลัง โหมโรงว่าด้วยเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น อย่างโครงการ “คนละครึ่ง-เที่ยวทั่วไทย” และอื่น ๆ ก็ดูได้รับการตอบรับจากทุกภาคส่วนเป็นอย่างดี การเดินสายรับข้อเสนอจากหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งสอท., สภาหอการค้าไทย เพื่อนำมาประยุกต์เป็นนโยบายเศรษฐกิจ..ทำให้นักลงทุนดูจะเริ่มเกิดความเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้น สะท้อนจากดัชนีหุ้นไทยที่เริ่มฟ้าเปิดปรับขึ้นมาทดสอบ 1,300 จุด มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันกว่า 45,000 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติทยอยซื้อสุทธิมากขึ้น หวังว่าเศรษฐกิจไทยและตลาดหุ้นไทย ที่พอเริ่มเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์ จะ “หยุดขาลง” กันได้ซะทีนะ.!?