รายได้พันล้าน

นายอัสสเดช คงสิริ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวต้อนรับ บริษัท แมสเทค ลิ้งค์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTEC เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายหลักทรัพย์วันนี้(27 ต.ค.69) เป็นวันแรก จัดอยู่ในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม หมวดวัสดุอุตสาหกรรมและเครื่องจักร โดยเสนอขายหุ้นไอพีโอคิดเป็นมูลค่า 435 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้ต่อยอดการลงทุนและเสริมความแข็งแกร่งทางการเงินเพื่อการเติบโตระยะยาว โดน MASTEC คดำเนินธุรกิจเป็นผู้นำเข้าอุปกรณ์อุตสาหกรรมหลากหลายมากว่า 25 ปี ได้รับการยอมรับจากอุตสาหกรรมในประเทศและพันธมิตรต่างประเทศกว่า 30 แบรนด์ ผู้แทนตลาดหลักทรัพย์ฯ นายอัสสเดช กล่าวอีกว่า การเข้าตลาดของ MASTEC ถือเป็นก้าวสำคัญในการระดมทุน เพื่อไปต่อยอดทางธุรกิจและเพื่อเสริมสร้างความ แข็งแกร่งทางการเงินในการเติบโตในอนาคต ขณะเดียวกันเน้นย้ำให้บริษัทดำเนินงานภายใต้หลักธรรมาภิบาล คำนึงถึงสังคมและสิ่งแวดล้อม พร้อมขอบคุณที่ปรึกษาทางการเงิน ผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการสนับสนุนการเข้าจดทะเบียนครั้งนี นายดุษฎี มีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MASTEC กล่าวว่า การเข้าเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งนับเป็นอีกก้าวสำคัญที่เชื่อว่าจะสนับสนุนให้ MASTEC มีการเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืน โดย MASTEC มุ่งเป็นผู้นำเสนอโซลูชั่นเทคโนโลยีด้านวิศวกรรมงานระบบอาคารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแบบครบวงจร โดยมีทีมวิศวกรและผู้เชี่ยวชาญในการให้บริการลูกค้า โดยตลอดกว่า 25 ปีที่ผ่านมา บริษัทพัฒนาโซลูชันเทคโนโลยีด้านวิศวกรรมและระบบอาคารประหยัดพลังงานแบบครบวงจร ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าชั้นนำและพร้อมนำความเชี่ยวชาญด้านการออกแบบ ติดตั้ง ตรวจสอบ และบำรุงรักษา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดให้แก่ผู้ใช้งาน สำหรับการระดมทุนในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการต่อยอดการเติบโต ในยุคนวัตกรรมการอนุรักษ์พลังงานและการดูแลสิ่งแวดล้อม และเพิ่มโอกาศใหม่ๆในการขยายศักยภาพธุรกิจ เพิ่มขีดความสามารถในการรับงาน และขยายช่องทางบริการครอบคลุมทั่วประเทศ โดยเชื่อมั่นว่าการการดำเนินงานอย่างยั่งยืน โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล จะเป็นพื้นฐานสำคัญของความสำเร็จในระยะยาวของ MASTEC โดยเงินทุนที่ได้จากการระดมทุนจากการเสนอขายหุ้นใหม่แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ถูกกำหนดวัตถุประสงค์เพื่อนำไปใช้ใน 4 กิจกรรมหลัก 1. การขยายธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์พลังงานและนวัตกรรมพลังงานสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะเป็น New S-Curve 2.การพัฒนาระบบป้องกันอัคคีภัยและความปลอดภัยงานเหล่านี้เกี่ยวข้องกับหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น งานทางด้านเคมี, Data Center, และสนามบินม 3.การขยายขอบเขตการดำเนินงานให้ครอบคลุมทั่วประเทศที่มุ่งเน้นคือ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยปัจจุบันบริษัทมีฐานลูกค้าหรือสำนักงานอยู่ในภาคใต้อยู่แล้ว (ที่ภูเก็ต) สำหรับแนวโน้มรายได้ปี 2568 คาดเป็นไปตามเป้าหมาย 900–1,000 ล้านบาท เนื่องจากแนวโน้มไตรมาส 3 และไตรมาส 4/68 เป็นช่วงไฮซีซั่นธุรกิจ ตามเป้าหมาย 3-5 ปีวางการเติบโตเฉลี่ยปีละประมาณ 20% และคาดว่าธุรกิจในกลุ่มนวัตกรรมจะช่วยเพิ่มความสามารถทำกำไรอย่างต่อเนื่องในระยะยาว โดยปัจจุบัน Backlog อยู่ราว 400 ล้านบาท มีโอกาสรับรู้รายได้ภายในปีนี้เป็นส่วนใหญ่ ส่วนแผนธุรกิจในปีนี้หน้าจะเน้นการเติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจ 1 และ 2 คือ ระบบปรับอากาศ สุขาภิบาล และระบบดับเพลิงจะมีการเติบโตแบบออร์แกนิก (Organic Growth) โดยมีการเติมสินค้าใหม่ๆเข้ามา ส่วนกลุ่มที่ 3 ธุรกิจนวัตกรรมเพื่อประหยัดพลังงานถือเป็นไฮไลท์ ในการเติบโตในปีหน้า โดยบริษัทมีโครงการในมือยู่ค่อนข้างมากคาดว่าจะมีการเติบโตค่อนข้าสูงปีหน้า โดยปัจจุบันสัดส่วนรายได้จากกลุ่มนวัตกรรมนี้เติบโตจากไม่ถึง 1% ของรายได้ทั้งหมดในปี 2565 กลายเป็นเกือบ 10% ของรายได้ทั้งหมด ณ ปี 2567 และคาดการณ์ว่าปีนี้จะสามารถเพิ่มสัดส่วนได้ถึง 15% ตามความต้องการโซลูชั่นระบบวิศวกรรมเพิ่มสูงขึ้น และแผนปฏิบัติการ Net Zero ของภาครัฐที่เร่งขึ้นจากปี 2065 มาเป็น 2050 “บริษัทวางกลยุทธุรกิจโซลูชั่นอนุรักษ์พลังงานเป็น “เรือธง” เพื่อผลักดันการเติบโตในปี 2569 โดยตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากธุรกิจกลุ่มดังกล่าวเพิ่มขึ้นจากราว 15% ในปีนี้ เป็นประมาณ 30% ในปีหน้า ตามความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากอุตสาหกรรม Data Center และการขยายตัวของเทคโนโลยี AI ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญหนุนให้เกิดการลงทุนด้านพลังงานและระบบวิศวกรรมที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ขณะเดียวบริษัทยังเข้าร่วมโครงการ Jump ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการเติบโตของบริษัทจดทะเบียน และเพิ่มมูลค่าตลาดทุนไทยอย่างยั่งยืน ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสรับงานในอนาคต" นายดุษฎี กล่าวเพิ่มเติม ด้านนายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของ MASTEC ที่ได้เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย การระดมทุนในครั้งนี้ในฐานะให้คำปรึกษาและดูแลบริษัทมาเป็นระยะเวลา 4 ปี เชื่อมั่นว่าบริษัทจะมีโอกาสที่จะ"เติบโตอย่างมั่นคง" โดยคณะกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานทั้งหมดมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะใช้กลไกการระดมทุน เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน และมุ่งเน้นการดูแลบริหารจัดการแบบภายใต้บรรษัทภิบาลที่ดี