สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวจากทำเนียบรัฐบาลว่า วันนี้ (3 ก.ย.68) ภายหลังจากที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้กราบบังคมทูลร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร ตั้งแต่วันที่ 2 กันยายนที่ผ่านมา มีรายงานข่าวอ้างถึงแหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลว่า สำนักองคมนตรีในฐานะหน่วยงานที่มีหน้าที่กลั่นกรองหนังสือและจัดทำความเห็นประกอบการกราบบังคมทูล เพื่อทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยและลงพระปรมาภิไธย ได้ส่งเรื่องกลับมายังสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี โดยระบุว่า การกราบบังคมทูลร่างพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว อาจไม่เป็นไปตามขั้นตอนการเสนอเรื่องขอพระมหากรุณา เนื่องจากยังมีข้อถกเถียงทางข้อกฎหมายว่า รัฐบาลรักษาการสามารถดำเนินการได้หรือไม่ รายงานข่าวยังระบุด้วยว่า เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ทำความเห็นประกอบว่า รัฐบาลรักษาการไม่สามารถกราบบังคมทูลร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎรได้ จึงไม่อาจนำเสนอต่อไปได้ ทั้งนี้ มีรายงานเพิ่มเติมว่า เลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้ทำบันทึกเรื่องดังกล่าวให้นายภูมิธรรมรับทราบแล้ว เมื่อเวลา 17:20 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายภูมิธรรม ได้ออกจากทำเนียบรัฐบาลโดยไม่ให้สัมภาษณ์ใด ๆ ท่ามกลางกระแสข่าวที่แพร่สะพัดดังกล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นายภูมิธรรม ได้ออกแถลง ฉบับที่ 1 “เพื่อความกระจ่างชัดเรื่องการยุบสภา” โดยระบุว่า ในช่วงที่การเมืองยังสับสน ผมขอเรียนชี้แจงให้เกิดความกระจ่างชัดในประเด็นร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร ดังนี้ รัฐบาลได้ดำเนินการจัดทำร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร และส่งให้สำนักงานองคมนตรีพิจารณาแล้ว เมื่อเย็นวันที่ 2 กันยายน 2568 ต่อมาได้รับแจ้งจากสำนักงานองคมนตรี ว่ายังมีประเด็นข้อกฎหมายที่มีการโต้แย้งและยังไม่เป็นข้อยุติ โดยเฉพาะประเด็นอำนาจของรองนายกรัฐมนตรี ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ในการถวายคำแนะนำ จึงยังไม่เห็นสมควรนำร่างพระราชกฤษฎีกาขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายในเวลานี้ รัฐบาลเคารพในขั้นตอนและหลักนิติธรรมทุกประการ และจะนำกลับมาทบทวนและพิจารณาเพื่อให้เกิดความเหมาสมถูกต้อง แต่ขอย้ำชัดว่า เจตนารมณ์ของรัฐบาลคือการคืนอำนาจให้ประชาชนโดยเร็วที่สุด อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : “ศุภชัย” ร้องเอาผิด “ภูมิธรรม” ม.157 ชี้รักษาการนายกไร้อำนาจยื่นยุบสภา “ภูมิธรรม” แจงเหตุยื่นทูลเกล้าฯ “ยุบสภา” ชี้ประชาธิปไตยบิดเบี้ยว-สามขั้วการเมือง