สำนักเลขาธิการครม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (16 ก.ย.68) ที่ทำเนียบรัฐบาล มีความเคลื่อนไหวสำคัญ หลังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ครม.) แจ้งงดการประชุม ครม. ประจำสัปดาห์ เพื่อรอการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ช่วงบ่าย นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย ได้นำรายชื่อผู้ได้รับการเสนอเป็นรัฐมนตรีเข้ายื่นต่อสำนักเลขาธิการ ครม. เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติและความเรียบร้อย ก่อนที่หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา พล.ต.อ.กิตติรัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และผู้แทนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะทยอยเดินทางเข้าสบทบ ต่อมา นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาลด้วยตนเอง และใช้เวลาภายในตึกสำนักเลขาธิการ ครม. กว่า 1 ชั่วโมง ก่อนจะเดินออกมา โดยเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าได้ลงนามเพื่อทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรีแล้วหรือไม่ นายอนุทินพยักหน้ารับ พร้อมกล่าวสั้น ๆ ว่า “วันนี้” จากนั้น นายอนุทิน ได้เดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาล เพื่อสักการะศาลหลักเมือง และวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) โดยมี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ร่วมคณะด้วย ที่บริเวณศาลหลักเมือง นายอนุทิน ให้สัมภาษณ์ว่า คาดว่าในช่วงเย็นนี้ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะจัดทำหนังสือเพื่อเสนอนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้าฯ แต่งตั้ง พร้อมย้ำว่าขณะนี้ไม่มีรายชื่อใดที่มีปัญหา บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) หรือ KSS มองว่า การนำรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ของนายกฯ อนุทิน ขึ้นทูลเกล้าฯ คาดว่าจะเกิดขึ้นเร็วที่สุดภายในเย็นวันนี้ หรืออย่างช้าที่สุดในวันพรุ่งนี้ (17 ก.ย.68) โดยรายชื่อรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจที่ถูกจับตา อาทิ นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน KSS ประเมินว่า พัฒนาการทางการเมืองดังกล่าว เป็นปัจจัยบวกต่อตลาดทุน โดยหลังจากนี้ตลาดจะหันมาให้น้ำหนักกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยเฉพาะมาตรการเพิ่มกำลังซื้อและลดค่าครองชีพ เช่น โครงการคนละครึ่ง, การเติมเงินกองทุนหมู่บ้าน วงเงิน 1.2 หมื่นล้านบาท, การให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (soft loan) สำหรับเกษตรกร รวมถึงนโยบายลดค่าไฟฟ้า นอกจากนี้ ยังมีมาตรการสนับสนุนภาคการท่องเที่ยว ลักษณะคล้ายโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ที่จะส่งผลบวกต่อสนามบิน สายการบิน และโรงแรมภายในประเทศ รวมถึงโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น โครงการแลนด์บริดจ์ (Land Bridge) ซึ่งจะเอื้อต่ออุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างและกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม KSS ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET Index) โดยประเมินแนวต้านไว้ที่ 1,316–1,330 จุด และแนวรับที่ 1,295–1,300 จุดพร้อมแนะนำหุ้นเด่นในกลุ่มอิงเศรษฐกิจภายในประเทศ ได้แก่ กลุ่มค้าปลีก (CPALL, BJC, CPAXT) กลุ่มการเงิน (MTC, KTC) กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง (CK, STECON, ITD) กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม (AMATA, WHA) และกลุ่มท่องเที่ยว (ERW, CENTEL) อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : เส้นตาย 4 เดือนรัฐบาลใหม่ “เศรษฐกิจ-ค่าเงินบาท-ตลาดหุ้น” ด่านทดสอบใหญ่ทีมอนุทิน