หุ้นเดือนกันยายน

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยมุมมองตลาดหุ้นโลกในเดือนกันยายนว่า จากการรวบรวมสถิติย้อนหลัง พบว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกมักปรับตัวลดลงในเดือนนี้ โดยปัจจัยกดดันมาจากราคาหุ้นสหรัฐฯ ที่อยู่ในระดับแพง ความไม่แน่นอนทางการเมืองไทยที่ยังรอการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ และภาพรวมกำไรบริษัทจดทะเบียนไทยในไตรมาส 2/2568 ที่ไม่รวมรายการพิเศษยังอ่อนแอ โดยรายได้หดตัวต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 2 และอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี นอกจากนี้ หลังประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 ยังไม่พบการปรับประมาณการกำไรขึ้น เนื่องจากหลายธุรกิจคาดว่าสภาพแวดล้อมในช่วงครึ่งหลังปีนี้จะยังท้าทาย อย่างไรก็ดี ความผันผวนในเดือนกันยายนยังเป็นโอกาสในการเลือกซื้อหุ้น (Selective Buy) โดยเน้นการตั้งรับ เพราะอัตราดอกเบี้ยของไทยและสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับลดลงในช่วงที่เหลือของปี ซึ่งจะเป็นผลบวกต่อหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ หุ้นโรงไฟฟ้า หุ้นปันผล รวมถึงหุ้นที่คาดว่ากำไรครึ่งปีหลังจะฟื้นตัว บล.ทิสโก้ แนะนำหุ้นเด่นประจำเดือนกันยายน ได้แก่ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC, บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK, บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO, บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC, บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF, บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH และ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC สำหรับแนวรับสำคัญของเดือนนี้อยู่ที่ 1,230 จุด แนวรับถัดไปอยู่ที่ 1,200–1,220 จุด ขณะที่แนวต้านสำคัญอยู่ที่ 1,270 จุด และ 1,280–1,285 จุด ตามลำดับ ด้านการลงทุนหุ้นต่างประเทศผ่าน Depositary Receipt (DR) บล.ทิสโก้ แนะนำ NOVOB80 (Novo Nordisk A/S) และ TRIPCOM80 (Trip.com Group) ที่ออกโดยธนาคารกรุงไทย เป็น Top Picks ประจำเดือน นายอภิชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า คาดว่าตลาดหุ้นไทยยังคงมีความผันผวนจากสถานการณ์การเมือง หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้นายกรัฐมนตรี พ้นจากตำแหน่ง และคณะรัฐมนตรีสิ้นสุดลงทั้งคณะ ทำให้จากนี้ ต้องรอสภาผู้แทนราษฎร นัดวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ “หากสภาฯ สามารถดำเนินการได้ภายในสัปดาห์แรกของเดือนกันยายน คาดจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน มีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศ แต่หากล่วงเลยข้ามสัปดาห์ คาดจะทำให้การจัดตั้งรัฐบาลใหม่มีความล่าช้า และ/หรืออาจเกิดการเปลี่ยนขั้วทางการเมือง จะสร้างความไม่แน่นอนทางการเมืองมากขึ้น” ขณะที่ตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่แม้จะมีความหวังการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่หนุนให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เดือนสิงหาคมเดินหน้าขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์เป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน ซึ่ง TISCO Economic Strategy Unit (TISCO ESU) ยังคาดว่าการประชุมเฟดเดือนกันยายนนี้จะลดดอกเบี้ยลง 0.25% รวมทั้งคาดจะลดอีก 0.25% ในช่วงที่เหลือของปีนี้ แต่บล.ทิสโก้ ไม่ได้มีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ และห่วงการปรับฐานอาจเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ เนื่องจากระดับการประเมินมูลค่าหุ้นที่ค่อนข้างตึงตัวมาก คิดเป็น Fwd. PER ปี 26F ที่สูงเกือบ 22 เท่า ขณะที่ Fwd. Earning Yield Gap ปัจจุบันลดลงจนแทบเป็นศูนย์ เพราะฉะนั้นความคาดหวังการลดดอกเบี้ย น่าจะสะท้อนในราคาหุ้นปัจจุบันมากพอสมควรแล้ว แต่ในขณะเดียวกันตลาดอาจยังไม่ได้คำนึงถึงความเสี่ยงการชะลอตัวทางเศรษฐกิจท่ามกลางแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่สูงขึ้นจากการขึ้นภาษีศุลกากรมากนัก ทำให้การลดดอกเบี้ยของเฟด อาจไม่เร็วอย่างที่ตลาดคาดการณ์ไว้และอาจสร้างความผันผวนแก่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้ง่าย นอกจากนี้ เดือนกันยายนยังเป็นช่วงฤดูกาลที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มักให้ผลตอบแทนแย่ที่สุดของปี โดยเฉลี่ยติดลบประมาณ -1.1% เทียบผลตอบแทนในเดือนอื่น ๆ ที่เป็นบวกเฉลี่ย +0.7% ปรากฎการณ์นี้ไม่เพียงแต่จะเกิดขึ้นกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ เท่านั้น แต่จากการศึกษาของเราในรอบ 10 ปีที่ผ่านมายังรวมถึงตลาดหุ้นอื่น ๆ อีกหลายแห่ง ดังนั้น นักลงทุนควรเพิ่มความระมัดระวังการลงทุนมากขึ้น