ออโตคอร์ปโฮลดิ้ง

บริษัท ออโตคอร์ป โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ ACG รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3 และงวด 9 เดือนแรกของปี 2568 มีกำไรสุทธิ ดังนี้ โดยผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 2568 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2568 บริษัทมีกำไรสุทธิ 24.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 48.81 จาก 16.76 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิไตรมาส 3/2568 อยู่ที่ 7.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 74.83 จาก 4.45 ล้านบาทในไตรมาส 3/2567 ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิสำหรับงวด 9 เดือนอยู่ที่ร้อยละ 2.48 และไตรมาส 3 อยู่ที่ร้อยละ 2.54 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 1.04 และ 1.28 ตามลำดับ สะท้อนถึงประสิทธิภาพการดำเนินงานที่ดีขึ้น ทั้งนี้ รายได้รวมของกลุ่มบริษัทสำหรับงวด 9 เดือนอยู่ที่ 1,004.37 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 13.61 จาก 1,162.54 ล้านบาท ในปีก่อน โดยรายได้ไตรมาส 3/2568 อยู่ที่ 306.61 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 13.14 จาก 353.01 ล้านบาทในไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา สาเหตุหลักมาจากรายได้จากส่วนงานจำหน่ายรถยนต์และอุปกรณ์ตกแต่งที่ลดลง 179.23 ล้านบาท หรือร้อยละ 27.53 ขณะที่ส่วนงานบริการและจำหน่ายอะไหล่กลับเติบโตขึ้น 27.13 ล้านบาท หรือร้อยละ 5.69 สำหรับค่าใช้จ่ายรวมสำหรับงวด 9 เดือนอยู่ที่ 956.06 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 14.48 จาก 1,117.91 ล้านบาท ส่วนไตรมาส 3/2568 มีค่าใช้จ่ายรวม 291.52 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 14.46 จาก 340.79 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลจากต้นทุนขายที่ลดลงตามรายได้ที่หดตัว ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.77 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ด้านธุรกิจตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการรถยนต์ มียอดรายได้รวม 9 เดือนอยู่ที่ 861.14 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 16.69 ขณะที่รายได้ไตรมาส 3 อยู่ที่ 258.18 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 16.40 จากปีก่อน เนื่องจากยอดขายรถยนต์ลดลงร้อยละ 26.91 ท่ามกลางภาวะการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อที่เข้มงวด อย่างไรก็ตาม ส่วนงานบริการซ่อมบำรุงและจำหน่ายอะไหล่ยังมีรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.30 ในช่วง 9 เดือน และอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจดังกล่าวอยู่ที่ร้อยละ 18.45 เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.54 จากปีก่อน ขณะที่ธุรกิจศูนย์บริการรถยนต์เร่งด่วนทุกยี่ห้อ (Fast Fit) มีรายได้รวม 9 เดือนที่ 153.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.98 ส่วนไตรมาส 3 มีรายได้ 51.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.39 จากรายได้ต่อคันของรถเข้ารับบริการที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.48 สะท้อนถึงประสิทธิภาพของกลยุทธ์ด้านราคาและการตลาด โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นไตรมาส 3 อยู่ที่ร้อยละ 15.58 เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.23 จากปีก่อน แสดงถึงความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง