อาชญากรรมทางไซเบอร์

ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (14 ก.ย.68) จากกรณี กลุ่มธนาคารพาณิชย์ ได้มีการอายัดบัญชีเงินฝากประชาชนจำนวนมาก เนื่องจากเข้าข่ายว่าเป็นบัญชีม้าผลดังกล่าวส่งผลกระทบในวงกว้าง แม้บางรายมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริต หนึ่งในผู้เสียหายได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า บัญชีธนาคารของตนถูกอายัดเป็นเวลานานเกือบ 2 เดือน ทั้งที่มิได้กระทำความผิดกฎหมาย อีกทั้ง ยังต้องนำเอกสารจำนวนมากเกือบ 20 กิโลกรัม ไปยื่นต่อธนาคารเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ ไม่เพียงเท่านั้น ยังพบเหตุการณ์คล้ายกัน คือ แม่ค้าขายทุเรียน โพสต์สะท้อนความเดือดร้อนหลังบัญชีธนาคารถูกอายัดเงินกว่า 1.69 แสนบาท เป็นเวลา 7 วันเช่นเดียวกัน ทางฝั่งธนาคารชี้แจงว่าตรวจพบเงินโอนจากบัญชีม้าเข้ามา จึงจำเป็นต้องระงับการใช้งาน ทั้งนี้ ตนเรียกร้อง ธนาคารควรมีการแจ้งเตือนลูกค้าก่อนดำเนินการอายัดบัญชี และควรเปิดช่องทางให้ลูกค้าได้ชี้แจงเนื่องจากการประกอบอาชีพค้าขายมีการรับโอนเงินจากลูกค้าหลายราย เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากธนาคารตรวจพบว่าบัญชีหลายแห่งมีเงินโอนเข้าจาก “บัญชีม้า” จึงถูกสงสัยว่าอาจเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางไซเบอร์ โดยตำรวจยืนยันว่าเป็นมาตรการเชิงป้องกัน อย่างไรก็ตาม ประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ได้รับผลกระทบยังสามารถนำหลักฐานมายืนยันตนเองเพื่อขอปลดอายัดบัญชีได้ ล่าสุดวันนี้ 14 ก.ย. ยังคงพบประชาชนแห่ถอนเงินสดจากธนาคารหลายแห่งหลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และ ตำรวจไซเบอร์เข้มงวดจัดการบัญชีม้า พร้อมกันนี้ ร้านค้า ในต่างจังหวัดบางแห่งเริ่มปฏิเสธการ สแกนจ่าย หรือ โอนเงิน เนื่องจากกังวลหากมีเงินจากบัญชีม้าโอนเข้าอาจโดนผลกระทบไปด้วย อย่างไรก็ตามข่าวล่าสุด นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบการชำระเงินและคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ชี้แจงว่า จากกรณีที่มีข่าวการอายัดบัญชีที่เกี่ยวข้องกับบัญชีม้านั้น บัญชีที่ได้รับผลกระทบจะเป็นบัญชีที่อยู่ในเส้นทางเงินที่รับโอนจากบัญชีม้าเท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมา ศูนย์ปฏิบัติการเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ศปอท.) และธนาคารพาณิชย์ (ธพ.) ได้ยกระดับการจัดการบัญชีม้า โดยขยายขอบเขตการติดตามเส้นทางเงินให้กว้างขึ้น เพื่อกักเงินที่โยงกับบัญชีม้ามาคืนผู้เสียหายให้ได้มากที่สุด จึงทำให้การระงับบัญชีที่เกี่ยวข้อง อาจส่งผลกระทบต่อประชาชนจำนวนมากขึ้น น.ส.ดารณี กล่าวว่า จากความกังวลที่เกิดขึ้นนั้น ธปท. ได้หารือกับ ศปอท. และธนาคารพาณิชย์แล้ว และเห็นชอบร่วมกันเบื้องต้นว่า จะเร่งปรับแนวทางการอายัดบัญชีและกระบวนการปลดอายัด เพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชนสุจริต โดยจะมีการหารือร่วมกันวันนี้ (14 ก.ย.) และจะเริ่มดำเนินการได้ทันที สำหรับประชาชนสุจริตที่ได้รับผลกระทบจากกรณีดังกล่าวในช่วงที่ผ่านมา สามารถติดต่อยกเลิกการระงับ โดยติดต่อไปยังศูนย์ AOC 1441 ต่อ 2 ได้