โรงปิโตรเคมีเวียดนาม

บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC หนึ่งในผู้นำอุตสาหกรรมของไทย เตรียมกลับมาเดินเครื่องโรงงานปิโตรเคมี Long Son Petrochemicals ในเวียดนาม มูลค่าโครงการ 5.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังหยุดการผลิตไปตั้งแต่ปลายปี 2567 นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCC เปิดเผยว่า บริษัทเห็นสัญญาณว่าราคาตลาดเริ่มทรงตัว จึงพิจารณากลับมาเปิดดำเนินการโรงงาน Long Son ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเวียดนาม โดยโรงงานหยุดผลิตมาตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว จากภาวะอุปสงค์ซบเซาและราคาสินค้าปิโตรเคมีที่อ่อนตัว คาดว่าจะใช้เวลาราว 1 เดือนในการเตรียมความพร้อมหลังมีมติเดินหน้าผลิตอีกครั้ง โดยการตัดสินใจครั้งนี้ได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของกิจกรรมการผลิตในจีน หลังจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกาผ่อนคลาย ส่งผลให้สินค้าปิโตรเคมีราคาถูกจากจีนลดการล้นตลาดในภูมิภาค อย่างไรก็ตาม ธุรกิจเคมีภัณฑ์ของ SCC ยังเผชิญแรงกดดันจากภาวะโอเวอร์ซัพพลายทั่วโลก รวมถึงผลพวงจากสงครามภาษีสหรัฐ-จีนในช่วงก่อนหน้า ทำให้ความต้องการและราคาวัตถุดิบหลักอย่าง Ethylene และ Propylene ลดลง โรงงาน Long Son ซึ่งเป็นการลงทุนในต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดของ SCC ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายกว่า 1,200 ล้านบาทต่อเดือน ทั้งในด้านการดูแลโรงงาน ดอกเบี้ย และต้นทุนการดำเนินงาน นายธรรมศักดิ์ ระบุว่า อัตราผลต่างราคาระหว่าง Polypropylene และ Naphtha ซึ่งเป็นตัวชี้วัดกำไรของธุรกิจเคมี เคยพุ่งเกิน 400 ดอลลาร์/ตัน ก่อนจะทรงตัวที่ประมาณ 350 ดอลลาร์/ตัน โดย SCC คาดว่าโรงงาน Long Son จะเริ่มมีกำไรหากอัตราผลต่างอยู่เหนือ 380 ดอลลาร์ต่อตัน ขณะที่ราคาน้ำมันดิบที่ลดลงยังช่วยหนุนมาร์จิ้นให้ดีขึ้น ข้อมูลจาก Management Discussion ปี 2567 ระบุว่า บริษัทมีภาระค่าใช้จ่ายจากโครงการนี้ ทั้งค่าเสื่อมราคาและดอกเบี้ย รวมราว 6,000 ล้านบาทในปีนี้ แม้ธุรกิจเคมียังต้องเผชิญแรงกดดัน แต่ SCC ยังมั่นใจว่าธุรกิจซีเมนต์จะเป็นเครื่องยนต์หลักของบริษัทในปี 2568 โดยได้แรงส่งจากโครงการโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐในไทย รวมถึงยอดขายซีเมนต์ในเมียนมาที่เพิ่มขึ้นหลังเกิดแผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา