BKK2

นายปิแอร์ ปาทริส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารประจำภูมิภาคเอเชีย บริษัท ETIX Everywhere ผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ระดับสากล เปิดเผยว่า แคมปัสดาต้าเซ็นเตอร์ของบริษัทได้รับการออกแบบเพื่อรองรับงานประมวลผลความหนาแน่นสูง (High-Density Computing) อาทิ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) การประมวลผลกราฟิก (GPU) และระบบคลาวด์ขนาดใหญ่ บนพื้นที่ดิน 27,000 ตารางเมตร และพื้นที่อาคารกว่า 16,000 ตารางเมตร โดยสามารถรองรับพลังงานได้สูงถึง 150 กิโลวัตต์ต่อแร็ค พร้อมระบบระบายความร้อนหลายรูปแบบ ทั้งแบบลม แบบของเหลว และแบบแช่ในของเหลว (Immersion Cooling) เพื่อสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานยุคใหม่และทำงานร่วมกับระบบ IT แบบเดิมได้อย่างไร้รอยต่อ ทั้งนี้ ETIX BKK#1 สามารถเพิ่มกำลังการให้บริการได้ถึง 6 เท่าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบันมีความจุพร้อมใช้งานเพิ่มอีก 2 เมกะวัตต์ ขณะที่การเปิดตัว ETIX BKK#2 พร้อมกำลังการให้บริการอีก 23 เมกะวัตต์ ถือเป็นจังหวะเหมาะสม เนื่องจากตั้งอยู่ติดกับอาคารเดิม ทำให้ลูกค้าสามารถใช้ระบบโทรคมนาคม ระบบไฟเบอร์ และระบบสนับสนุนต่าง ๆ ร่วมกันได้ทั้งหมด ช่วยลดต้นทุนและความซับซ้อนในการขยายระบบ การเปิดศูนย์ใหม่ครั้งนี้ยังมาพร้อมการเผยแพร่สมุดปกขาว (White Paper) “แนวโน้มศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศไทย ปี 2568” จัดทำโดย ETIX Everywhere ร่วมกับ Schneider Electric, CommScope, DC Byte และ Cushman & Wakefield ซึ่งชี้ให้เห็นว่า อุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์ไทยกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วจากการลงทุนของบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก (Hyperscaler) และการเปลี่ยนผ่านสู่โครงสร้างพื้นฐานที่รองรับ AI โดยมีข้อมูลสำคัญดังนี้ -ไทยแซงอินโดนีเซียในด้านกำลังการให้บริการใช้งานแล้วกว่า 150 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างพัฒนาอีกกว่า 500 เมกะวัตต์ -แนวโน้มการใช้งานมุ่งไปที่ระบบ GPU หนาแน่น เช่น AI และ Machine Learning ต้องใช้แร็กพลังงานสูงและระบบระบายความร้อนขั้นสูง -เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) กำลังเป็นศูนย์กลางฝึก AI จัดเก็บข้อมูลชั่วคราว และแคมปัสดาต้าเซ็นเตอร์ของบริษัทระดับโลก -นักลงทุนได้รับสิทธิประโยชน์จาก BOI ความยืดหยุ่นในการถือครองโดยต่างชาติ และการเข้าถึงพลังงาน-ไฟเบอร์ที่อนุมัติล่วงหน้า -ความยั่งยืนเป็นปัจจัยหลัก ตั้งเป้าค่า PUE ต่ำกว่า 1.4 ใช้พลังงานหมุนเวียน และเริ่มติดตั้งระบบกักเก็บพลังงาน (BESS) ควบคู่พลังงานสะอาด