LifeUdomsukStation

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (1 ก.ย. 68) ราคาหุ้น บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AP ณ เวลา 14:26 น. อยู่ที่ระดับ 7.60 บาท บวก 0.25 บาท หรือ 3.40% ราคาสูงสุดอยู่ที่ 7.65 บาท ราคาต่ำสุดอยู่ที่ 7.35 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 75.02 ล้านบาท บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) หรือ KSS ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ยังมีมุมมองต่อ AP เกี่ยวกับ slightly positive ต่อยอดขายคอนโดใหม่ หลังโครงการ Life Udomsuk Station มูลค่า 4.6 พันล้านบาท สามารถทำยอดขาย (take-up rate) ได้ราว 57% หรือประมาณ 2.6 พันล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่บริษัทตั้งไว้ที่ 30% ในช่วงเปิดตัว โดยสัดส่วนลูกค้าไทยและต่างชาติใกล้เคียงกัน สะท้อนดีมานด์ที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะจากกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่สนใจซื้อเพื่ออยู่อาศัยและลงทุน สำหรับโครงการ Life Udomsuk Station เป็นคอนโด high-rise จำนวน 1,004 ยูนิต ราคาเฉลี่ย 4.6 ล้านบาท/ยูนิต หรือประมาณ 132,000 บาท/ตารางเมตร ถือเป็นโครงการไฮไลท์ของกลุ่มคอนโดในปีนี้ โดยมีจุดเด่นอยู่ที่ทำเลห่างจาก BTS อุดมสุขเพียง 100 เมตร และการออกแบบ room layout แบบใหม่ที่เน้นฟังก์ชัน value for money เช่น ห้อง 1 ห้องนอน ขนาด 31 ตารางเมตร ที่เพิ่มพื้นที่ multipurpose room หรือห้อง 1 ห้องนอนพลัส ขนาด 35 ตารางเมตร ที่ปรับเป็นห้องนอนที่สองได้ โครงการมีกำหนดก่อสร้างแล้วเสร็จและพร้อมโอนในไตรมาส 3/2571 บล.กรุงศรีประเมินว่า QTD presale น่าจะเกิน 9,000 ล้านบาท และมีโอกาสที่ยอด presale ไตรมาส 3/68 แตะ 13,000 ล้านบาท ตามเป้าที่วางไว้ โดยมีแรงหนุนจากการเปิดตัวโครงการใหม่ โดยเฉพาะกลุ่ม low-rise ขณะที่เป้ายอด presale ปี 2568 อยู่ที่ 55,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% จากปีก่อน และ ณ ปัจจุบัน YTD presale ทำได้ราว 30,000 ล้านบาท ทำให้ความเสี่ยง downside ของเป้าปีลดลง ด้านยอดโอน (transfer incl. JV) ในไตรมาส 3/68 คาดเพิ่มขึ้นจากทั้งช่วงเดียวกันปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้า โดยมีแรงหนุนจากคอนโด 2 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 7,600 ล้านบาท ซึ่งมียอดขายเฉลี่ย 81% แล้ว นอกจากนี้ AP ยังมี Backlog รอโอนสูงถึง 34,000 ล้านบาท ( มิ.ย. 2568) โดยในครึ่งหลังของปี 2568 รอโอนสูงถึง 20,400 ล้านบาท ซึ่งเทียบเท่าการ secured เป้าโอนปี 2568 ของบริษัทและ KSS ที่ 79% และ 88% ตามลำดับ สูงกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่ม นักวิเคราะห์ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น AP โดยให้ราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 10.00 บาท เนื่องจากบริษัทมีจุดแข็งในการจับตลาดกลาง–กลางบนในกลุ่มทาวน์เฮาส์และบ้านแฝด ซึ่งเป็นตลาดที่ AP เป็นผู้นำ ขณะที่คู่แข่งเปิดโครงการใหม่จำกัด นอกจากนี้ AP ยังน่าจะได้อานิสงส์จากมาตรการผ่อนคลาย LTV ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการระบายสต็อกได้ดีกว่าคู่แข่ง